วันนี้ (30 พ.ย.2565) พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยผลการดำเนินคดีที่มีเครือข่ายบุคคลต่างชาติลักลอบทำธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย ตั้งแต่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองบุคคลต่างชาติที่จะเข้ามาในประเทศไทย และมีการตรวจสอบจัดระเบียบบุคคลต่างชาติ โดยไม่ให้เข้ามาในราชอาณาจักรจำนวน 3,395 คน ดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติที่หลบหนีเข้าเมือง 2,005 คน และดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่ากฎหมายกำหนดอีก 1,073 คน
นอกจากนี้ ตำรวจยังดำเนินคดีกับบุคคลต่างชาติจำนวน 207 คน ที่พบว่าทำความผิดกฎหมายอาญาอื่น ๆ เช่น การทำธุรกิจผิดกฎหมายหรือเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ เป็นต้น
ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ยังเข้าตรวจสอบมูลนิธิฯ กว่า 300 แห่งทั่วประเทศ และตรวจสอบบุคคลต่างชาติจำนวนกว่า 1,800 คน โดยเสนอเรื่องให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด ปิดมูลนิธิฯ จำนวน 3 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ
เนื่องจากพบว่า มูลนิธิเหล่านี้จัดตั้งมีวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับการทำจิตอาสาและการศึกษา แต่มีบุคคลต่างชาติ เช่น คนจีนใช้ช่องว่างทางกฎหมายขอหนังสือเดินทางนักศึกษาเข้ามาในนามของมูลนิธิแต่ไม่ได้มีการเข้ามาเรียนจริง จึงเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการจังหวัดนั้น ๆ ปิดมูลนิธิดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้ มีรายงานว่า 3 มูลนิธิฯ ที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเสนอสั่งปิดนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนธุรกิจสถานบันเทิงในพัทยา จ.ชลบุรี และสถานบันเทิงย่านทองหล่อ
สำหรับประเด็นนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เชิญนายตำรวจสังกัดตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จำนวน 4 พื้นที่ของ จ.เชียงใหม่ อุดรธานี แพร่ และน่าน มาให้ข้อมูลกับคณะทำงานฯ เนื่องจากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือเปลี่ยนแปลงเอกสารให้นายทุนจีน ที่ทำเรื่องขอเข้ามาเรียนหนังสือในประเทศ
แท็กที่เกี่ยวข้อง: