"บิ๊กโจ๊ก" เผยคดีทุนจีนสีเทาคืบ 90% - "ชูวิทย์" มอบข้อมูลเส้นทางการเงิน "ตู้ห่าว"

อาชญากรรม
1 ธ.ค. 65
13:54
2,070
Logo Thai PBS
"บิ๊กโจ๊ก" เผยคดีทุนจีนสีเทาคืบ 90% - "ชูวิทย์" มอบข้อมูลเส้นทางการเงิน "ตู้ห่าว"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
รอง.ผบ.ตร. "พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" เผยดำเนินคดีนายทุนจีนสีเทาแล้ว 90 เปอร์เซ็นต์ ยึดทรัพย์ "ตู้ห่าว" กว่า 5,000 ล้านบาท เตรียมขยายผลตรวจสอบผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้การสนับสนุน ระบุจับ "โทนี่" นอมินี แล้ว ขณะที่ "ชูวิทย์" มอบข้อมูลเส้นทางการเงิน

วันนี้ (1 ธ.ค.2565) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยถึงกรณีการเข้าตรวจค้นเครื่องบินส่วนตัว ของนายตู้ห่าวเมื่อวานนี้ มีการเก็บดีเอ็นเอ ลายพิมพ์ฝ่ามือ นิ้วมือสิบนิ้ว และได้เอาสุนัขตำรวจตรวจสารเสพติด และได้พบพยานหลักฐานเพิ่มเติมบางอย่าง แต่ยังเปิดเผยไม่ได้ แต่ได้ส่งให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ใช้ในการทำสำนวนคดีอย่างละเอียด

ส่วนการตรวจสอบเครื่องบินเจ็ต เมื่อวานที่ผ่านมา ขณะนี้ทรัพย์ถูกอายัดและอยู่ในความดูแลของ ป.ป.ส.เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ผลการเก็บพยานหลักฐานทั้งภายนอกและภายในเครื่องบินไม่ว่าจะเป็นวัตถุพยานที่อยู่ในเครื่องบินการตรวจเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ เก็บรอยนิ้วมือของบุคคล รวมถึงใช้สุนัขดมกลิ่น ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจวิเคราะห์ข้อมูล

สุนัขดมกลิ่นภายในเครื่องบินเจ็ตเจออะไรบางอย่าง แต่บอกไม่ได้ ซึ่งได้รวบรวมทุกอย่าง ส่งตรวจวิเคราะห์ตามขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ เพื่อยืนยันผลอย่างเป็นทางการ ประกอบสำนวนคดี

รวมถึงการตรวจค้นเป้าหมายอีก 4 จุด เมื่อวานนี้ สามารถยึดทรัพย์สินไปได้กว่า 4,000 ล้านบาท รวมแล้วขณะนี้ได้ยึดทรัพย์สินของนายตู้ห่าวไปแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท

ทรัพย์สินส่วนใหญ่เช่น รถ ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ ทรัพย์สินมีค่าต่างๆ แต่ยังไม่พบเงินสด จึงต้องเร่งขยายผล ตรวจสอบเส้นทางการเงินเพิ่มเติม โดยทรัพย์สินที่ยึดได้ก็จะส่งให้ ป.ป.ส. อายัดต่อไป ส่วนกรณีนางพัชรินทร์ ที่นายชูวิทย์ ได้ส่งข้อมูลให้โดยระบุว่าเป็นภรรยาอีก 1 คนของนายตู้ห่าวนั้น เมื่อวานนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการค้นบ้านพักด้วยเช่นกัน แต่ตัวนางพัชรินทร์ไม่อยู่ ตอนนี้กำลังออกหมายเรียกให้มาชี้แจงทรัพย์สิน

ซึ่งความคืบหน้าของคดีตอนนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เผยว่า คืบหน้าไปกว่า 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว ซึ่งจะต้องรวบรวมการสอบสวนให้เสร็จสิ้นทั้งหมดภายใน 3 สัปดาห์ ขณะนี้ได้จับกุม ผู้ต้องหาไปแล้ว 102 คน รวมถึงผู้ต้องหารายใหญ่ 4 คน ยกเว้นนายหมิง นายทุนใหญ่ ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีไปยังต่างประเทศ ส่วนนายโทนี่ หนึ่งใน 5 นายทุนจีนสีเทา ถูกตำรวจควบคุมตัวได้แล้วเมื่อวานนี้ ฐานกระทำความผิดเกี่ยวกับการถือหุ้นแทนคนต่างด้าว (นอมินี) ตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ได้ยื่นขอประกันตัว โดยพนักงานสอบสวนไม่ได้คัดค้านเนื่องจากเป็นคดี ลหุโทษ

นอกจากนี้ รอง ผบ.ตร. ยังระบุว่า ปฏิบัติการปราบปรามกลุ่มนายทุนจีนสีเทาของตำรวจไทยนั้น ผ่านการประสานงานเพื่อรับทราบร่วมกันกับทางอุปทูตจีน ด้วย ซึ่งรัฐบาลจีนก็มีความต้องการที่จะปราบปรามกลุ่มคนเหล่านี้เช่นกัน

ขณะเดียวกัน ในวันพรุ่งนี้ รอง ผบ.ตร. ระบุว่า มีกำหนดประชุมคณะทำงานร่วมกัน เพื่อสรุปความคืบหน้าทางคดีร่วมกัน ซึ่งจะมีทั้งพนักงานอัยการ และ ป.ป.ส. และ ปปง.

ปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มทุนจีนสีเทาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมา รอง ผบ.ตร. ระบุว่า จุดเริ่มต้นจองการกวาดล้างทุนจีนสีเทา คือ เริ่มจากเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวหญิงชาวจีนเสพยาเสพติดภายในผับย่านห้วยขวาง และเสียชีวิตด้วยสาเหตุเสพยาเกินขนาด แต่ผ่านไปเป็นเดือน คดีไม่มีความคืบหน้า ซึ่งคดีอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจนครบาลสุทธิสารเป็นเหตุให้ อุปทูตจีนเข้าสอบถามข้อมูล ทางคดีกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเมื่อตรวจสอบพบว่า เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และมีการใช้ในสถานบันเทิง ที่เป็นที่นิยมเฉพาะกลุ่มคนจีน

การสืบสวนจึงเริ่มต้นขึ้นด้วยการตามรอยกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน และสถานบันเทิงที่มีการใช้ยาเสพติด นั่นเอง

ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้มอบเอกสารหลักฐาน เกี่ยวกับเส้นทางการเงิน และข้อมูลเกี่ยวข้องกับกลุ่มนอมินี พร้อมเผยว่า ข้อมูลที่นำมามอบให้ สามารถบ่งชี้ว่านายตู้ห่าวมีความสัมพันธ์กับบุคคลใดบ้าง ยืนยันว่าที่ตนออกมาเปิดเผยข้อมูลไม่มีประโยชน์อะไรแอบแฝง เพียงแค่ต้องการให้ตำรวจดำเนินคดีคนจีนอย่างถึงที่สุด

ทั้งนี้ยังอยากให้ช่วยตรวจสอบการถือสัญชาติของนายตู้ห่าว กับสถานทูตจีน เนื่องจากทราบว่าทางการจีนไม่อนุญาตให้บุคคลที่เป็นคนจีนถือสัญชาติอื่นด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง