จีนยอมผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 หลัง ปชช.ประท้วงต่อเนื่อง

ต่างประเทศ
2 ธ.ค. 65
06:50
1,622
Logo Thai PBS
จีนยอมผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 หลัง ปชช.ประท้วงต่อเนื่อง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
จีนเผชิญการประท้วงในหลายเมือง ซึ่งดูเหมือนว่าการลุกฮือครั้งใหญ่ของประชาชนที่ไม่ได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลานาน ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว

มีแนวโน้มว่าการรับมือโควิด-19 ในจีนที่ยึดมั่นในมาตรการโควิดเป็นศูนย์มานานนับปี อาจมีสัญญาณว่ากำลังจะสิ้นสุดลงในอีกไม่นานนี้ หลังจากภาครัฐประกาศว่าจะต้องรับมือสถานการณ์ใหม่จากเชื้อที่ก่อโรคได้น้อยลง โดยล่าสุดหลายเมืองใหญ่ประกาศผ่อนคลายมาตรการบางส่วนลงแล้ว

วันที่ 1 ธ.ค.2565 มีภาพในสื่อสังคมออนไลน์ให้เห็น ภาพการรื้อถอนแผงกั้นถนนเพื่อปิดบริเวณของเจ้าหน้าที่ ในเขตไห่จู นครกว่างโจว ทางตอนใต้ของจีน ท่ามกลางความสนอกสนใจของประชาชนใกล้เคียง หลังจากทางการท้องถิ่นประกาศผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 บางส่วนตั้งแต่ช่วงบ่ายวันพุธ (30 พ.ย.2565) และเริ่มมีผู้ใช้รถใช้ถนนสัญจรเข้าไปทันทีหลังเปิดพื้นที่

เขตไห่จูเป็นจุดที่พบการระบาดรุนแรงที่สุดแห่งหนึ่ง ทำให้ผู้อาศัยประมาณ 1.8 ล้านคน เกือบทั้งหมดต้องอยู่ภายใต้มาตรการปิดเมืองมานานร่วมเดือน จากประชากรทั้งหมดในกว่างโจวประมาณ 13 ล้านคน

การผ่อนคลายมาตรการในกว่างโจวทำให้เมืองกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ซึ่งนอกจากการเปิดพื้นที่บางส่วน ยังกลับมาอนุญาตให้รับประทานอาหารภายในร้านได้ รวมทั้งมีการยกเลิกจุดตรวจโควิด-19 รวมแล้วมี 7 เขตในกว่างโจวที่ผ่อนคลายมาตรการ โดย 1 ในนี้ประกาศจะเปิดโรงเรียน ร้านอาหาร และโรงภาพยนตร์ด้วย

กว่างโจวเป็นจุดหนึ่งที่พบการระบาดมากที่สุดในจีน โดยมีผู้ติดเชื้อมาตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ต.ค. ขณะที่เมื่อวานนี้ (1 ธ.ค.2565) หน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่นรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อมากกว่า 6,300 คน ในกว่างโจว

ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชม.ของทั้งประเทศจีน พบว่ามี 36,061 คน เป็นผู้ติดเชื้อไม่แสดงอาการ 31,911 คน

ขณะนี้จีนหันมาส่งสัญญาณเปลี่ยนแนวทางรับมือโรคด้วยการผ่อนคลายมาตรการมากยิ่งขึ้น แม้จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม เนื่องจากไม่ใช่แค่กว่างโจว แต่ยังมีเมืองใหญ่ๆ อย่างเซี่ยงไฮ้และฉงชิ่ง และเจิ้งโจว ที่ประกาศผ่อนคลายมาตรการบางส่วนลงด้วย

ท่าทีใหม่ในการควบคุมโรคในกว่างโจวเกิดขึ้นเพียงไม่ถึง 24 ชม. หลังการปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุมต่อต้านมาตรการโควิด-19 ในกว่างโจว และการประท้วงที่พบได้ในอีกหลายเมืองช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ซุน ชุนหลาน รอง นายกฯ จีนที่ดูแลด้านการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ระบุว่า ตอนนี้จีนกำลังเผชิญสถานการณ์ใหม่ และภารกิจใหม่ในการรับมือโรคระบาด เพราะความสามารถในการก่อโรคของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนนั้นอ่อนแอลง มีคนที่ฉีดวัคซีนแล้วมากขึ้นและมีประสบการณ์การรับมือโรคมากขึ้น

ถ้อยแถลงเหล่านี้สวนทางกับท่าทีก่อนหน้าที่ ซุน และทางการจีนยืนยันหนักแน่นมาโดยตลอดว่า ต้องยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์

นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นการส่งสัญญาณว่านโยบายโควิดเป็นศูนย์จะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว หรือสามารถมองได้ว่า การลุกฮือต่อต้านภาครัฐครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี จะทำให้ทางการจีนหาทางลงจากมาตรการคุมโควิดที่ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจได้เสียที

สำนักข่าว Reuters รายงานอ้างแหล่งข่าวระบุว่า อีกไม่กี่วันข้างหน้านี้จีนจะประกาศผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 รวมทั้งลดการปูพรมตรวจหาเชื้อลง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงท่าทีครั้งสำคัญของประเทศที่มุ่งมั่นควบคุมการระบาดอย่างสิ้นเชิงมานานร่วม 3 ปี

มาตรการใหม่จะรวมถึงการลดการตรวจหาเชื้อ และอนุญาตให้คนที่ติดเชื้อกับผู้สัมผัสใกล้ชิดสามารถกักตัวที่บ้านได้ หากปฏิบัติตามข้อกำหนด

ขณะเดียวกันยังมีผู้สูงอายุจำนวนมากที่ไม่กล้าเข้ารับการฉีดวัคซีน บางคนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับสมอง หรือโรคร้ายแรงอื่นๆ ไม่กล้าฉีดเพราะเกรงว่าโรคที่เป็นอยู่เดิมจะอาการแย่ลง ซึ่งนี่อาจเป็นความท้าทายหนึ่งในการรับมือสถานการณ์ของทางการจีน

แต่ภาพรวมแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนโยบายทำให้ทั่วโลกจับตาและคาดหวังว่าเป็นไปได้ที่ปีหน้าจีนอาจเปิดประเทศอีกครั้ง เมื่อสามารถเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุได้สำเร็จ

ส่วนการต่อต้านภาครัฐของจีน มีรายงานว่า กลุ่มต่อต้านเปลี่ยนแนวทางการเคลื่อนไหว รับมือการปราบปรามเข้มงวดของตำรวจ วันที่ 1 ธ.ค.2565 ที่ผ่านมา มีผู้ที่โดยสารรถไฟในเซี่ยงไฮ้ ได้รับข้อความในโทรศัพท์มือถือ ระบุว่า ชีวิตในจีนจะขึ้นได้ก็ต่อเมื่อยกเลิกการปิดเมืองเต็มรูปแบบ และ สี จิ้งผิง ลงจากตำแหน่งเท่านั้น ขณะที่ตำรวจจีนยังคงอยู่ระหว่างการติดตามสอบสวนผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุม

หน่วยงาน China Dissent Monitor ที่ดำเนินงานโดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ ระบุว่ามีการประท้วงเกิดขึ้นในจีนประมาณ 27 ครั้ง ตั้งแต่วันเสาร์ถึงวันจันทร์ที่ผ่านมา (26-28 พ.ย.2565) ขณะที่ศูนย์วิจัย ASPI ในออสเตรเลียประเมินว่ามีการประท้วง 51 ครั้งใน 24 เมือง

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง