ศาลสหรัฐฯ ยกฟ้อง "มกุฎราชกุมารซาอุฯ" ปมสังหารนักข่าว

ต่างประเทศ
8 ธ.ค. 65
08:53
729
Logo Thai PBS
ศาลสหรัฐฯ ยกฟ้อง "มกุฎราชกุมารซาอุฯ" ปมสังหารนักข่าว
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประกาศยกฟ้องเจ้าชายมุฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ปมเกี่ยวข้องกับการสังหารนักข่าว โดยศาลระบุเป็นไปตามคำขอของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ยืนยันว่าผู้นำซาอุฯ จะต้องได้รับสิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย

ศาลรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ยกฟ้องต่อเจ้าชายมุฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ในฐานะที่พัวพันกับการสังหารนักข่าว "จามาล คาช็อกกี" โดยจาก
คำอธิบายของผู้พิพากษา ระบุว่า รัฐบาลโจ ไบเดน ยืนยันว่ามีสิทธิคุ้มครองทางกฎหมาย

เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เดินทางไปกรุงริยาร์ดของซาอุดีอาระเบีย โดยได้พบกับเจ้าชายมุฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย ซึ่งการทักทายที่ดูสนิทสนมด้วยการชนมือ ถูกจับตามองอย่างมาก ท่ามกลางการจับตามองถึงความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ

การตัดสินใจของผู้พิพากษาเพื่อยกฟ้องเจ้าชายมุฮัมหมัด บิน ซัลมาน จึงดูมีนัยสำคัญ​

ผู้พิพากษาแห่งเขต DC จอห์น ดี เบตส์ ระบุว่า ดำเนินการตามคำขอของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อใช้สิทธิคุ้มครองทางกฎหมายปกป้องเจ้าชายจากการดำเนินคดี ถึงแม้จะมีข้อกล่าวหาที่เชื่อได้ว่าพระองค์ทรงเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมคาช็อคกี

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2018 ในช่วงที่เกิดเหตุฆาตกรรม มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ซาอุดีอาระเบีย สังหารจามาล คาช็อคกี ภายในสถานกงสุลซาอุฯ ที่นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี ซึ่งวันนั้น คาช็อกกีเข้าไปในสถานกงสุลเพื่อไปรับเอกสารที่ต้องใช้สำหรับการแต่งงานที่กำลังจะมีขึ้น โดยมี ฮาทิส เคนกิส คู่หมั้นของคาช็อกกี รออยู่ข้างนอกสถานกงสุล

กลุ่มต่อสู้เพื่อสิทธิที่ก่อตั้งโดยคาช็อกกี ตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต นำเรื่องนี้ฟ้องร้องต่อศาล โดยศาลระบุว่าผู้ช่วยใกล้ชิด 2 คนของเจ้าชายน่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรม

คาช็อกกี เป็นคอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ มักเขียนบทความวิพากษ์วิจารณ์เจ้าชายมุฮัมหมัดอย่างหนัก ขณะที่ฝ่ายข่าวกรองของสหรัฐฯ สรุปว่า มกุฎราชกุมารซาอุฯ ออกคำสั่งในปฏิบัติการสังหารคาช็อกกี

เหตุฆาตกรรมส่งผลให้เกิดเป็นรอยร้าวระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโจ ไบเดน และรัฐบาลของซาอุฯ

มีรายงานว่า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามที่จะยุติคดี ท่ามกลางสถานการณ์ที่สหรัฐฯ พยายามร้องขอให้ซาอุฯ เปลี่ยนการตัดสินใจ ในฐานะผู้นำประเทศโอเปค เรื่องการลดการผลิตน้ำมัน ซึ่งตลาดทั้งโลกกำลังถูกกระทบโดยสงครามในยูเครน

ขณะที่เดือน พ.ย.ที่ผ่านมา ผู้พิพากษาเชิญตัวแทนรัฐบาลของโจ ไบเดน ออกความเห็นในเรื่องนี้ โดยทางรัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศว่า เจ้าชายมุฮัมหมัด ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีของซาอุฯ ย่อมมีสิทธิที่จะได้รับสิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย จากการดำเนินคดีของกระบวนการกฎหมายในสหรัฐฯ

เจ้าชายมุฮัมหมัด บิน ซาลมาน ทรงได้รับการแต่งตั้งโดยกษัตริย์ซาลมาน พระราชบิดา ให้ทรงทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรีซาอุฯ เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเท่ากับว่าพระองค์จะทรงได้รับข้อยกเว้นเป็นการชั่วคราวในฐานะนายกรัฐมนตรี

คู่หมั้นของคาช็อกกี และกลุ่มต่อสู้เรื่องสิทธิที่ยื่นฟ้อง ระบุว่า การแต่งตั้งเจ้าชายเป็นนายกฯ ก็เพื่อปกป้องพระองค์จากการดำเนินคดีของศาลสหรัฐฯ

ผู้พิพากษาแห่งเขต DC จอห์น ดี เบตส์ ระบุว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยันว่าเจ้าชายได้รับสิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย จึงจำเป็นต้องยกฟ้อง และต้องยกฟ้องต่อคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะศาลสหรัฐฯ ไม่มีอำนาจนอกเหนือไปจากนี้

รัฐบาลไบเดน ยืนยันว่า หัวหน้าของรัฐบาลของประเทศอื่นๆ จะต้องได้รับสิทธิคุ้มครองตามกฎหมาย ไม่ต้องถูกดำเนินคดี ถึงแม้ว่ากรณีนี้พระองค์เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไม่นาน

ก่อนหน้านี้เมื่อเดือน พ.ย. โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า สหรัฐฯ ให้สิทธิคุ้มครองตามกฎหมายแก่หัวหน้ารัฐบาล เช่น นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายจารีตประเพณี

โฆษกทำเนียบขาวระบุด้วยว่า การที่รัฐบาลสหรัฐฯ สนับสนุนเรื่องการให้สิทธิคุ้มครองตามกฎหมายครั้งนี้ ไม่ได้กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และซาอุฯ ขณะที่ก่อนหน้านี้ในช่วงการหาเสียงก่อนการเลือกตั้งกลางเทอม ไบเดน ระบุว่าจะต้องนำตัวคนผิดมารับโทษให้ได้เรื่องสังหารคาช็อกกี

การยกฟ้องและให้สิทธิคุ้มครองทางกฎหมายกับเจ้าชายมุฮัมหมัด บิน ซัลมาน ทำให้เกิดคำถามต่อไบเดน และการไปเยือนซาอุฯ เมื่อเดือน ก.ค. โดยเฉพาะการพูดคุยกันเพื่อให้ซาอุฯ และกลุ่มโอเปคพลัส เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ซึ่งอาจจะไม่เกิดข้อตกลงใดๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง