ล่วงเข้าสู่เดือนมกราคมมาแค่ไม่กี่วัน ปกติช่วงนี้อากาศต้องหนาว หลายพื้นที่มีหิมะจนเป็นฤดูกาลของการเล่นสกี แต่ตอนนี้หลายประเทศในยุโรปอากาศอุ่นจนทำลายสถิติ ชนิดที่เรียกว่าร้อนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับช่วงเวลานี้ของปี
โดยบริเวณแถบเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งหิมะหดหายไปจากปกติในช่วงเวลานี้ของปี จนผู้ประกอบการต้องหันไปพึ่งพาหิมะเทียมสำหรับให้นักท่องเที่ยวเล่นสกีได้ ท่ามกลางนักท่องเที่ยวที่บางตากว่าปกติ 35-40% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ซึ่งไม่กี่วันมานี้อุณหภูมิในสวิตเซอร์แลนด์พุ่งสูงแตะ 20.9 องศาเซลเซียส หลังจากก่อนหน้านี้หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาของสวิตเซอร์แลนด์ รายงานว่า ปี 2022 เป็นปีที่อากาศอบอุ่นที่สุดนับตั้งแต่เริ่มเก็บข้อมูลสถิติ เมื่อปี 1864 โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 7.4 องศาเซลเซียส
เช่นเดียวกับที่รีสอร์ทในบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ซึ่งเคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเมื่อปี 1980 และช่วงนี้น่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเล่นสกีมากที่สุด แต่ปรากฏว่าแทบไม่มีหิมะให้เห็น ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างหนัก โรงแรมและรีสอร์ทต้องลดราคา ลดจำนวนพนักงาน ทำให้หน่วยงานด้านการท่องเที่ยวในหลายท้องที่กำลังพิจารณาจะประกาศภาวะฉุกเฉินจากภัยธรรมชาติ
ภาพถ่ายดาวเทียมปริมาณหิมะลดลงชัดเจน
หากจะเปรียบเทียบความรุนแรงของสถานการณ์ให้เห็นอย่างชัดเจน ดูได้จากภาพถ่ายดาวเทียมที่เปรียบเทียบภาพระหว่างช่วงปลายปี 2021 และปลายปี 2022 ถึงไม่กี่วันที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของปริมาณหิมะที่ลดลงอย่างชัดเจน ใน ฝรั่งเศส, สวิตเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย จากเดิมที่ในช่วงนี้ของปีที่เป็นฤดูหนาวจะมีหิมะปกคลุมปริมาณมาก แต่ปีนี้บางจุดแทบไม่เห็นสีขาวของหิมะ
แม้ว่าอากาศร้อนที่เกิดในช่วงนี้จะไม่ได้ทำให้ผู้คนเสียชีวิตเหมือนอย่างคลื่นความร้อนในฤดูร้อน แต่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอย่างหนัก
ย้อนไปในวันขึ้นปีใหม่ มีอย่างน้อย 8 ประเทศยุโรปที่ทุบสถิติวันที่อุณหภูมิสูงสุดในเดือนมกราคมเท่าที่เคยมีมา ได้แก่ ลิกเตนสไตน์ , สาธารณรัฐเช็ก / โปแลนด์ , เนเธอร์แลนด์ , เบลารุส , ลิทัวเนีย , เดนมาร์ก และ ลัตเวีย ซึ่งวันที่ 31 ธันวาคมและ 1 มกราคมที่ผ่านมาเป็นวันที่คลื่นความร้อนรุนแรงมากที่สุดในหลายพื้นที่
อย่าง วาดุซ เมืองหลวงของ ลิกเตนสไตน์ อุณหภูมิสูงถึง 20 องศาเซลเซียสเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา เทียบกับปีที่แล้วเป็นเลขตัวเดียว และช่วงต้น ม.ค. ที่แล้วยังมีหนาวจนติดลบ
ส่วนกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ วัดอุณหภูมิได้ 18.9 องศาเซลเซียส เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญระบุปรากฏการณ์นี้เป็นผลจากภาวะโลกร้อน
นักอุตุนิยมวิทยาบางคนถึงกับเรียกว่านี่เป็นคลื่นความร้อนที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของยุโรป เมื่อประเมินจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิ
หลายคนอธิบายว่า ปรากฏการณ์นี้เกิดจากมวลอากาศอุ่นเคลื่อนตัวจากบริเวณที่มีภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อน จากริมชายฝั่งทางตะวันตกของแอฟริกา พัดเข้าไปในยุโรป ซึ่งแม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะไม่ได้ฟันธงว่า ปรากฏการณ์นี้เป็นผลจากภาวะโลกร้อนโดยตรง แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า อากาศที่ร้อนผิดปกติ หรือสภาวะอากาศที่ผิดแปลกไปจากปกติต่างๆ เกิดบ่อยครั้งขึ้นเพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก
แต่ขณะเดียวกันกลับกลายเป็นว่าอากาศแปรปรวนนี้ส่งผลดีต่อยูเครนที่ก่อนหน้านี้อากาศหนาวจัดและเผชิญวิกฤตพลังงานจากการพุ่งเป้าโจมตีโครงสร้างพื้นฐานของรัสเซีย รวมถึงประเทศอื่นๆ ในยุโรปที่เผชิญปัญหาจากราคาแก๊สที่สูงลิ่ว ล่าสุดปรากฏว่า อากาศหนาวที่เบาบางกว่าปกติส่งผลให้ราคาแก๊สธรรมชาติในยุโรปดิ่งลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.2021 เพราะความต้องการลดลง จากเดิมที่ราคาพุ่งสูงท่ามกลางการเปิดสงครามบุกยูเครนของรัสเซีย
ริมชายหาดสเปนคึกคัก
ส่วนในสเปน สภาพอากาศที่อุ่นเป็นพิเศษทำให้บรรยากาศแถบสถานที่ท่องเที่ยวริมทะเลในสเปนมีผู้คนไปใช้เวลาริมชายหาดอย่างคึกคักมากเป็นพิเศษ ซึ่งนอกจากบริเวณตอนใต้ของสเปนจะร้อนกว่า 20 องศาเซลเซียสแล้ว
ใน เมืองบิลเบา วัดอุณหภูมิได้สูงถึง 25.1 องศาเซลเซียส มากกว่าค่าเฉลี่ยถึง 10 องศาเซลเซียส ซึ่งร้อนพอๆ กับค่าเฉลี่ยอุณหภูมิในช่วงเดือน ก.ค. ส่วนที่กาตาลุญญา อากาศร้อนทำให้ต้องสั่งจำกัดการใช้น้ำ รวมถึงที่บาร์เซโลนา
หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาสเปนเพิ่งจะประกาศว่าเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมาถือเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ ตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติปี 1916 โดยอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีคือ 15.5 องศาเซลเซียส