วันนี้ (17 ม.ค.2566) นางพเยาว์ อริกุล นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ไข่ไก่มีต้นทุนการผลิตสูงถึง 3.45-3.50 บาทต่อฟอง สูงกว่าช่วงปกติถึง 30% เนื่องจากราคาธัญพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก และอยู่ในเกณฑ์สูงมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และกากถั่วเหลือง ซึ่งอาจทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนสูงได้อีกต่อไป
เครือข่ายสหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ ประกอบด้วย สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่แปดริ้ว จำกัด สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ชลบุรี จำกัด สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่เชียงใหม่-ลำพูน จำกัด และ สหกรณ์ผู้เลี้ยงไก่ไข่ลุ่มแม่น้ำน้อย จำกัด จึงประกาศขยับราคาขายขึ้นเป็น 3.60 บาทต่อฟอง เมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และคาดว่าอาจต้องขยับอีกหากต้นทุนยังพุ่งไม่หยุด

จึงอยากให้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหาวัตถุดิบ และขอให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์ เพราะไม่มีใครอยู่รอดได้หากต้องขายของในราคาขาดทุน นอกจากนี้ยังมีต้นทุนอื่นๆ อีกที่ขยับสูงขึ้นทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นค่าพลังงาน น้ำมัน แก๊ส หรือแม้แต่ค่าไฟฟ้า รวมถึงค่าแรงงานต่างๆ ภายในฟาร์มด้วย
นางพเยาว์ ระบุอีกว่า พืชวัตถุดิบเป็นต้นทุนถึง 90% ของการผลิตอาหารสัตว์ และอาหารสัตว์เป็นต้นทุนการผลิตไข่ไก่ถึง 60-70% แม้ราคาธัญพืชสูงขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปัญหาภัยแล้งหรือการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ รวมถึงการที่จีนกว้านซื้อธัญพืชวัตถุดิบจากทั่วโลก ซึ่งล้วนเป็นปัจจัยระดับโลกที่แก้ได้ยาก

แต่ยังมีปัจจัยภายในประเทศที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนให้เกษตรผู้เลี้ยงสัตว์ และบรรเทาภาวะค่าครองชีพให้ผู้บริโภคได้ คือนโยบายรัฐในด้านการจัดการวัตถุดิบอาหารสัตว์ อาทิ การกำหนดเพดานราคาข้าวโพดไม่ให้เกินกว่าข้าวโพดนำเข้า หรือการลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองให้เป็นศูนย์ การยกเลิกมาตรการ 3:1 เป็นต้น ซึ่งน่าจะช่วยลดภาระให้เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่ให้พออยู่ได้ ท่ามกลางราคาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นทุกด้าน รวมถึงดอกเบี้ยขาขึ้นที่สถาบันการเงินทยอยปรับอัตราดอกเบี้ยออกมา
ปัจจุบันข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มีราคาสูงถึง 13.40 บาท/กก. กากถั่วเหลืองมีราคาถึง 23.70 บาท/กก. คาดการณ์กันว่าราคาวัตถุดิบในปี 2566 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก 10% เป็นภาระต้นทุนที่รออยู่ของเกษตรกรคนเลี้ยงสัตว์ทุกคน ภาครัฐจำเป็นต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
อ่านข่าวอื่นๆ
ครม.ต่อเวลาลดภาษี "ดีเซล" ลิตรละ 5 บาทอีก 4 เดือน
แท็กที่เกี่ยวข้อง:
-