เที่ยวบินปฐมฤกษ์ "ดูไบ-อู่ตะเภา" คาดรับนักท่องเที่ยวปีละ 1.5 แสนคน

เศรษฐกิจ
21 ม.ค. 66
12:59
300
Logo Thai PBS
เที่ยวบินปฐมฤกษ์ "ดูไบ-อู่ตะเภา" คาดรับนักท่องเที่ยวปีละ 1.5 แสนคน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้อนรับนักท่องเที่ยวจากเมืองดูไบ 158 คน จากเที่ยวบินปฐมฤกษ์ สายการบิน "flydubai" ขยายเส้นทางบินตรงจากเมืองดูไบสู่ภาคตะวันออกของไทยเป็นครั้งแรก โดยจะมีสัปดาห์ละ 7 เที่ยวบิน คาดตลอดทั้งปี มีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 150,000 คน

เมื่อช่วงค่ำวันที่ 20 ม.ค.2566 เครื่องบินปฐมฤกษ์ สายการบิน flydubai เที่ยวบินที่ FZ1445 บินตรงจากเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) โดยมี พล.ร.อ.ระพีพงษ์ โสวรรณ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาระยอง-พัทยา รองนายกเมืองพัทยา และผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานพัทยา ร่วมให้การต้อนรับ ซึ่งเที่ยวบินนี้มีผู้โดยสาร จำนวน 158 คน

เส้นทางบินดังกล่าว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานดูไบ ร่วมกับ สายการบินฟลายดูไบ (flydubai) เพื่อขยายเส้นทางบินระหว่างประเทศ เปิดเส้นทางบินตรง จากเมืองดูไบสู่ภูมิภาคตะวันออกของประเทศ ไทยเป็นครั้งแรก จากนี้ไปจะเปิดให้บริการ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ มีจำนวนผู้โดยสาร 172 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน

ททท.จัดกิจกรรมสำรวจเส้นทางท่องเที่ยวสำหรับ Blogger สายท่องเที่ยว จำนวน 6 คน ที่เดินทางมาในเที่ยวบินปฐมฤกษ์นี้ด้วย เพื่อสนับสนุนการผลิตเนื้อหา ประชาสัมพันธ์เที่ยวบิน และการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย พร้อมกับนำเสนอประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบ Family Friendly และ Luxury ที่น่าประทับใจในพื้นที่พัทยา

สำหรับข้อมูลการท่องเที่ยวปี 2565 จังหวัดชลบุรี มีนักท่องเที่ยวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้ามาท่องเที่ยวในไทย 65,847 คน เป็นตลาดนักท่องเที่ยว 1 ใน 20 อันดับประเทศ ที่เดินทางมาประเทศไทย และมีกำลังการจับจ่ายสูง

การขยายเส้นทางการบินครั้งนี้ ทำให้ ททท.คาดการณ์ว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เข้าประเทศตลอดปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 150,000 คน และมีค่าใช้จ่ายในการเดินทางทริปละประมาณ 90,000 บาท สร้างรายได้รวมเกือบ 14,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกันในอนาคต ยังเตรียมเจาะกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ กลุ่ม First Visit และ กลุ่ม Luxury เพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวภูมิภาคตะวันออกกลาง ให้เข้ามาท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้  แม้แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น แต่มุมมองของผู้ประกอบการร้านอาหารย่าน walking Street เมืองพัทยา กลับไม่คึกคักเท่าที่ควร ธุรกิจร้านอาหารในพื้นที่ยังไม่ฟื้นตัว เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจ และกำลังการจับจ่ายของนักท่องแต่ละประเทศแตกต่างกัน บางกลุ่มจับจ่ายสูง บางกลุ่มลดกำลังซื้อลง ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจร้านอาหารลดลงเหลือเพียงแค่ 1 ใน 3 เท่านั้น

ผู้ประกอบการบางรายสะท้อนว่า ขณะนี้ รอความหวังจากกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มกระตุ้นเศรษฐกิจของเมืองพัทยา ขณะที่ กลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกลับหายไป หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง