สบส.เผย 7 ปี อนุญาต "อุ้มบุญ" 621 คน

สังคม
7 ก.พ. 66
12:50
734
Logo Thai PBS
สบส.เผย 7 ปี อนุญาต "อุ้มบุญ" 621 คน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
สบส.เผยช่วง 7 ปี ตั้งแต่มีการใช้กฎหมายอุ้มบุญ พิจารณาอนุญาตให้ตั้งครรภ์แทนแล้ว 621 คน แนะสถานพยาบาลเอกชนคุมเข้มบุคลากรให้ปฏิบัติตามกฎหมาย ป้องกันเอเจนซี่ นายหน้า การขายไข่ อสุจิ ตัวอ่อน และการรับจ้างอุ้มบุญ

วันนี้ (7 ก.พ.2566) นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 ตราขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้คู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายซึ่งมีบุตรยากได้มีบุตร รวมทั้งควบคุมการศึกษาวิจัยมิให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง โดยผลการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ มีคู่สามี-ภรรยาที่มีบุตรยาก ขออนุญาตให้ผู้อื่นตั้งครรภ์แทน หรือที่เรียกว่า "อุ้มบุญ" รวม 684 คน โดยคณะกรรมการคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (กคทพ.) ได้พิจารณาอนุญาตให้มีการตั้งครรภ์แทนแล้ว 621 คน

นอกจากนี้ ยังมีคู่สามี-ภรรยาติดต่อขอรับคำปรึกษาต่อการใช้เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์นับร้อยคู่ต่อปี แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีทางการแพทย์และการบังคับใช้กฎหมายของไทย

ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 เริ่มคลี่คลายลง ประกอบกับนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเดินทางกลับเข้ามาในประเทศ เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศ ปีละกว่า 4,000 ล้านบาท เพราะมีสถานพยาบาลทั้งภาครัฐและเอกชนที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านเทคโนโลยีฯ 104 แห่ง อีกทั้งมีอัตราความสำเร็จในการตั้งครรภ์เฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 46 จึงเป็นจุดดึงดูดให้คู่สมรสที่มีบุตรยากเดินทางเข้ามารับบริการในไทย

จากการเดินทางเข้ามารับบริการทางการแพทย์ของชาวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้นนั้น สบส.เน้นย้ำให้ผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาลเอกชนทุกแห่งกวดขันบุคลากรของตนให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด พร้อมสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้รับบริการชาวต่างชาติถึงเงื่อนไขในการรับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ในไทย เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) การผสมเทียม การรักษาภาวะมีบุตรยากชาวต่างชาติสามารถรับบริการได้ แต่คู่สามี-ภรรยาชาวต่างชาติไม่สามารถรับบริการให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทนได้ เพราะฝ่าฝืนกฎหมาย

ด้าน ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. กล่าวต่อว่า การรับบริการด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ด้วยการตั้งครรภ์แทน หรืออุ้มบุญ กฎหมายอนุญาตให้เฉพาะคู่สมรสชาวไทยที่จดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย หรือเป็นคนไทยที่แต่งงานกับชาวต่างชาติจะต้องจดทะเบียนสมรสมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี และมีภาวะมีบุตรยาก ไม่อนุญาตให้คู่สมรสซึ่งเป็นชาวต่างชาติทั้งคู่ทำอุ้มบุญ

หญิงที่รับตั้งครรภ์แทนจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดและต้องเคยมีบุตรมาก่อน หากยังอยู่กินกับสามีจะต้องได้รับการยินยอมจากสามีก่อน ส่วนหญิงผู้ไม่เคยมีบุตรไม่สามารถรับตั้งครรภ์ได้ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่ให้บริการจะต้องตรวจประเมินความพร้อมทางร่างกาย จิตใจ และสภาพแวดล้อมของผู้รับบริการ หญิงที่รับตั้งครรภ์แทนสามารถใช้ 2 วิธี คือ ใช้อสุจิ และไข่ของคู่สมรสที่ต้องการมีบุตร หรือใช้อสุจิหรือไข่ของคู่สมรสกับไข่หรือ อสุจิบริจาค ห้ามใช้ไข่ของหญิงที่รับตั้งครรภ์แทน และห้ามทำในเชิงพาณิชย์ หากฝ่าฝืนจะมีโทษตามกฎหมายทั้งแพทย์ นายหน้า คู่สมรส และหญิงที่ตั้งครรภ์แทน

อ่านข่าวตางๆ

โซเชียลตามหา #Prayforatsu คริสเตียน อัตซู อดีตนักบอลนิวคาสเซิล หายตัวแผ่นดินไหวตุรกี

ศาลออกหมายจับ “จารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” อดีต รมว.มหาดไทย

"ชัยวัฒน์" ฟ้องกลับ ปลัดทส.ปมตั้ง กก.สอบปลูกป่าแก่งกระจาน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง