วันนี้ (7 ก.พ.2566) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 7 ก.พ.2566 ว่า ที่ประชุมครม. มีมติเห็นชอบ (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 (พ.ศ.2566-2570) ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอ
พร้อมกับเห็นชอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนปฏิบัติการด้านสิทธิมนุษยชน ของหน่วยงานที่ครอบคลุมการดำเนินการของหน่วยงานในสังกัดทุกระดับ และรายงานผลการปฏิบัติตามแผนสิทธิมนุษยชนฯ เมื่อสิ้นปีงบประมาณปีละ 1 ครั้ง (ในห้วงเดือน ต.ค.-ธ.ค. ของทุกปี)
และให้หน่วยงานภาครัฐ (ระดับกรมหรือเทียบเท่า) บรรจุวิชาสิทธิมนุษยชน ไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมง ในหลักสูตรฝึกอบรมข้าราชการทุกระดับ ตามขอบเขตและเนื้อหาหลักการสิทธิมนุษยชนพื้นฐาน ที่กระทรวงยุติธรรมกำหนด
โดยที่แผนสิทธิมนุษยชนฯ ฉบับนี้ได้นำประเด็นที่ยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ จากแผนฉบับเดิมมาดำเนินการต่อ เช่น ปัญหาที่อยู่อาศัยและพื้นที่ทำกิน ปัญหาสิทธิในการทำงานและสิทธิในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล สำหรับคนไทยและคนต่างด้าวทั้งในระบบและนอกระบบ ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และการล่วงละเมิดทางเพศในเด็กและสตรี เป็นต้น
และประเด็นข้อห่วงกังวลและประเด็นท้าทายต่าง ๆ จากระดับพื้นที่ เช่น ปัญหาฝุ่น PM2.5 ปัญหาการเข้าถึงมาตรการความช่วยเหลือของภาครัฐ ที่ต้องใช้ความรู้และทักษะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ปัญหาการเคารพสิทธิผู้อื่นและการเคารพผู้เห็นต่าง
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า (ร่าง) แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 5 จำแนกออกเป็นแผนสิทธิมนุษยชนรายด้าน 5 ด้าน คือ ด้านการเมืองการปกครอง ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านสาธารณสุข ด้านการศึกษา และด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ และยังครอบคลุมถึงการคุ้มครองสิทธิรายกลุ่ม
โดยแบ่งออกเป็น 11 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ใช้แรงงาน กลุ่มผู้เสียหายและเหยื่อในกระบวนการยุติธรรม กลุ่มเด็กและสตรี กลุ่มนักปกป้องสิทธิมนุษยชน กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้เสพยาเสพติด กลุ่มความหลากหลายทางเพศ กลุ่มบุคคลที่มีปัญหาสถานะทางทะเบียนและกลุ่มชาติพันธุ์ กลุ่มคนพิการ กลุ่มผู้ต้องหาผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษ และสุดท้ายคือ กลุ่มผู้ป่วยเอดส์ ผู้ที่อยู่ร่วมกับ HIV และผู้ป่วยจิตเวช เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์
โดยใช้เป็นกรอบทิศทางของหน่วยงานในการดำเนินงาน เพื่อแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชนในภาพรวมของประเทศ ปกป้องคุ้มครองสิทธิของประชาชนโดยไม่เลือกปฏิบัติ คำนึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สร้างสังคมที่ตระหนักถึงการเคารพสิทธิมนุษยชน
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สำหรับประเด็นท้าทายของแผนสิทธิมนุษยชนรายด้าน 5 ด้าน ที่จะมีการดำเนินการ คือ 1.เร่งจัดสรรที่ดินและแก้ไขปัญหา การเข้าถึงทรัพยากรของประชาชน 2.ส่งเสริมความรู้ให้แก่ประชาชนในขั้นตอนต่าง ๆ ด้านกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้รับรู้สิทธิในแต่ละขั้นตอนตั้งแต่ชั้น การสอบสวน การฟ้องร้อง และการดำเนินคดี
3.ให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” 4.ปรับปรุงมาตรการของรัฐในด้านต่าง ๆ ให้สามารถเข้าถึงได้โดยประชาชนทุกกลุ่ม ควบคู่ไปกับการพัฒนาระบบความช่วยเหลือเป็นการเฉพาะสำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาส และ 5.ส่งเสริมสนับสนุนให้มีมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินภาคครัวเรือนและกลุ่มธุรกิจ SME ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
แท็กที่เกี่ยวข้อง: