วันนี้ (12 ก.พ.2566 ) บรรยากาศรอบกว๊านพะเยา อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา ถูกปกคลุมด้วยฝุ่นควัน ซึ่งกลับมาเกินค่ามาตรฐานอีกครั้ง เป็นผลต่อเนื่องจากสถานการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นทั้งในพื้นที่วนอุทยานแห่งชาติร่องคำหลวง และอีกหลายจุดในเขตอำเภอเมืองพะเยา
เฉพาะวันนี้ (12 ก.พ.) จ.พะเยา มีเหตุไฟป่าเกิดขึ้น 29 ครั้ง ส่งผลให้ค่าฝุ่น PM2.5 พุ่งสูงถึง 105 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร หรืออยู่ในระดับสีแดง คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ และ PM10 อยู่ที่ 118 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แม้ก่อนหน้านี้ จ.พะเยา จะประกาศงดเผาภาคการเกษตรโดยเด็ดขาด ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา
ขณะที่ จ.ลำปาง ประสบปัญหาฝุ่นควันจากไฟป่ายังฟุ้งกระจายปกคลุมทั่วเมือง โดยในช่วงเช้า บางแห่งทัศนะวิสัยในขับขี่ลดลง สาเหตุหลักยังมาจากการลักลอบเผา และไฟป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอรอบนอก อย่างที่ ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง วัดค่า PM2.5 อยู่ที่ 124 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ข้อมูลจุดความร้อนจากดาวเทียม หรือ Hotspot ล่าสุด พบจุดความร้อนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 73 จุด พื้นที่ สปก. 6 จุด พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 113 จุด พื้นที่ทางการเกษตร 1 จุด และพื้นที่อื่นๆ อีก 7 จุด รวมตรวจพบจุดความร้อนในพื้นที่ จ.ลำปางมากถึง 200 จุด
"อุบลราชธานี" ระดมฉีดน้ำ-จับควันดำลดฝุ่น
ส่วนค่าฝุ่น PM2.5 ที่พุ่งสูงกว่า 70-90 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องหลายวันในพื้นที่ อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี จากการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม เผาหาของป่า และฝุ่นควันจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้หน่วยงานด้านบรรเทาสาธารณภัยนำรถบรรทุกน้ำฉีดพ่นละอองน้ำตามสวนสาธารณะ และถนนสายสำคัญที่มีการจราจรหนาแน่น เพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพให้กับประชาชน
นายชลธี ยังตรง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กำชับให้เจ้าหน้าที่ขนส่งจังหวัดอุบลราชธานี ตรวจจับรถที่ปล่อยควันดำเกินค่ามาตรฐาน และห้ามนำรถที่เครื่องยนต์ไม่พร้อมออกมาวิ่ง เพื่อแก้ไขปัญหา
ขณะที่วันนี้ (12 ก.พ.) มีค่าฝุ่น 74 ไมโคกรัมต่อลูกบาศก์เมตร คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ และพบจุดความร้อน 5 จุดในพื้นที่ 2 อำเภอของจังหวัด คือ อ.โพธิ์ไทร และ อ.โขงเจียม และหากพบว่ามีการฝ่าฝืนการประกาศห้ามเผาไปจนถึงสิ้นเดือน ก.พ.นี้ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด
อ่านข่าวอื่นๆ