"ทับทิม" หญิงไทยหนีคดีชนคนดับ เตรียมบินไปรับโทษที่สหรัฐฯ

อาชญากรรม
15 ก.พ. 66
11:16
1,452
Logo Thai PBS
"ทับทิม" หญิงไทยหนีคดีชนคนดับ เตรียมบินไปรับโทษที่สหรัฐฯ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจคุมตัวหญิงไทยก่อเหตุขับรถชนชาวอเมริกันเสียชีวิตแล้วหนีคดีกลับไทย เจ้าตัวยอมรับและยินดีบินกลับสหรัฐฯ เพื่อเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย คาดไม่เกิน 19 ก.พ.นี้

จากกรณีเมื่อวันที่ 6 ก.พ.2566 สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศได้มีการนำเสนอข่าวหญิงไทยในอเมริกา ก่อเหตุขับรถยนต์ชนนายเบนจามิน เคเบิล อายุ 22 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา ณ เมืองมิชิแกน สหรัฐอเมริกา แล้วหลบหนีจากที่เกิดเหตุ

ต่อมาผู้ก่อเหตุได้บินกลับมาที่ประเทศไทย ซึ่งทางการสหรัฐฯ ได้สืบสวนจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุ คือ นางทับทิม อายุ 57 ปี จึงได้ประสานทางการไทยเพื่อขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน

วันนี้ (15 ก.พ.2566) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า เมื่อตรวจสอบข้อมูลพบว่า นางทับทิม เดินทางกลับถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 ม.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ต่อมาวันที่ 10 ก.พ. เมื่อมีข่าวปรากฏทางสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย นางทับทิมได้ย้ายพักอาศัยที่ห้องพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เมื่อตำรวจสืบสวนทราบข้อมูลจึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังสถานที่ดังกล่าว และพบนางทับทิมอาศัยอยู่จริง จึงได้เข้าพูดคุย พร้อมให้คำแนะนำหลักควรปฏิบัติ ซึ่งเจ้าตัวยินดีกลับสหรัฐฯ เพื่อเข้าสู่กระบวนการ 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ในเรื่องของคดีจราจรเป็นเรื่องความประมาท โดยจะให้นางทับทิมคุยกับเอฟบีไอ ขณะนี้สหรัฐฯ ยังไม่ได้ออกหมายจับ แต่นางทับทิมมีความตั้งใจกลับไปรับโทษด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้กระทบชื่อเสียงประเทศไทย

ด้านนางทับทิม ยอมรับว่า เป็นบุคคลที่ปรากฏชื่อตามข่าวจริง และเป็นผู้ก่อเหตุขับรถชนนายเบนจามินจริง แต่ด้วยความตกใจจึงได้บินกลับมาที่ประเทศไทย พร้อมอ้างว่าเหตุการณ์วันเกิดเหตุ ว่า เกิดขึ้นช่วงเช้ามืดวันที่ 1 ม.ค. จุดเกิดเหตุค่อนข้างมืด หลังชนแล้วยังไม่มั่นใจว่าเป็นคนหรือกวาง เพราะบริเวณนั้นกวางค่อนข้างเยอะ แต่ก็ไม่ได้ลงรถไปดูเพราะตกใจกลัว จึงขับรถกลับบ้าน และเปลี่ยนไปใช้รถอีกคันขับไปทำงาน จากนั้นจึงปรึกษาน้องสาวและกลับมาประเทศไทย

แต่เมื่อมีตำรวจเข้ามาแจ้งเรื่อง ก็พร้อมให้ความร่วมมือกับตำรวจ และพร้อมที่จะเดินทางกลับไปเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่สหรัฐฯ ตามกฎหมาย โดยกำหนดเดินทางกลับก่อนวันที่ 19 ก.พ.นี้

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

-
ข่าวที่เกี่ยวข้อง