จับหนุ่มไทย เปลี่ยนชื่อเกาหลี-ศัลยกรรมใบหน้า หนีคดียาเสพติด

อาชญากรรม
24 ก.พ. 66
16:12
2,358
Logo Thai PBS
จับหนุ่มไทย เปลี่ยนชื่อเกาหลี-ศัลยกรรมใบหน้า หนีคดียาเสพติด
ตำรวจจับหนุ่มวัย 25 ปี ศัลยกรรมใบหน้า เปลี่ยนชื่อเป็นคนเกาหลี ลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากยุโรปขายในไทย พบหนีหมายจับมากว่า 3 เดือน

วันนี้ (24 ก.พ.2566) ตำรวจชุด ศอ.ปส.ตร. ร่วมกับ สืบสวนนครบาล แกะรอยก่อนจับกุมตัว นายจีมิน-ซ็อง ที่แอบอ้างเป็นคนเกาหลี แต่แท้จริงเป็นสัญชาติไทย โดยไปทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า Face off จนไม่เหลือเค้าโครงเดิม เพื่ออำพรางการติดตามตัวจากตำรวจ

โดยก่อนถูกจับตัวได้ก่อเหตุนำยาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ มาขายในพื้นที่ กทม. และหลบหนีมานานกว่า 3 เดือน

ตำรวจ ศอ.ปส.ตร. ชุดปฏิบัติการที่ 5 จึงได้แฝงตัว จนสามารถจับกุมตัวได้ในห้องพักคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่งชื่อดังย่านบางนา สุดท้าย นายจีมิน-ซ็อง รับสารภาพว่ามีคอนเนคชันทั่วโลกสั่งจากดาร์กเว็บ โอนจ่ายด้วยบิตคอยน์ แต่พลาดท่าเพราะลูกน้องทำผิดแผน

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตำรวจสืบสวนพบว่ามียาอี หรือ ยาเลิฟ เพิ่มการระบาดมากยิ่งขึ้น ต่อมาได้ประสานงานรวบรวมข้อมูลกับ บก.สส.บช.น. วิเคราะห์แกะรอยจากข้อมูลคดีการจับกุมยาเสพติดในพื้นที่ กทม. จนได้พบเบาะแสว่าแหล่งที่มาของยาเสพติดดังกล่าวคือ “หนุ่มเกาหลี” รูปหล่อรายหนึ่งซึ่งอยู่ในพื้นที่ย่านเขตบางนา ซึ่งมีพฤติกรรมจะสั่งนำเข้ายาเสพติดชนิด ยาอี หรือ ยาเลิฟ โดยสั่งนำเข้ามาจากประเทศแถบทวีปยุโรป และใช้บุคคลที่รู้จักผ่านทางเฟซบุ๊กให้คอยรับส่งพัสดุยาเสพติดดังกล่าวให้ โดยที่ไม่ต้องสัมผัสกับยาเสพติดโดยตรง

ซึ่งต่อมาสืบสวนจนกระทั่งสามารถยืนยันตัวตนของหนุ่มเกาหลีรายนี้ได้ คือ นายจีมิน-ซ็อง ซึ่งแท้จริงเป็นคนสัญชาติไทย แต่จงใจเปลี่ยนชื่อให้เหมือนคนเกาหลี โดยมีชื่อเดิมว่า นายสหรัฐ อายุ 25 ปี และได้เปลี่ยนแปลงใบหน้าด้วยการศัลยกรรมไปจนกลายเป็นคนละคน ไม่เหลือเค้าโครงเดิม ( Face off )

จากการตรวจสอบพบว่า นายจีมิน-ซ็อง เป็นบุคคลตามหมายจับ ซึ่งเคยถูกพนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ขอศาลออกหมายจับไว้เมื่อปลายปี 2565 เกี่ยวกับคดีนำเข้ายาเสพติด

จากการตรวจสอบในห้องพัก สามารถตรวจยึดของกลางโทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อสั่งนำเข้ายาเสพติดจากต่างประเทศ และตรวจยึดทรัพย์สินอีกจำนวน 22 รายการ ในชั้นจับกุม นายจีมิน-ซ็อง ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าสาเหตุที่เปลี่ยนชื่อและใบหน้าเป็นคนเกาหลี เพราะอยากย้ายไปใช้ชีวิตใหม่ที่เกาหลีใต้ เนื่องจากเบื่อหน่ายการใช้ชีวิตในไทย แต่ก็พูดภาษาเกาหลีได้เล็กน้อย

พร้อมยอมรับว่ามารดาเคยถูกดำเนินคดีจำหน่ายยาเสพติดชนิด "ยาเสียสาว" จำนวนกว่า 200,000 เม็ด โดยนำเข้ามาจากต่างประเทศ เมื่อปี 2554 ซึ่งปัจจุบันมารดาได้พ้นโทษออกมาแล้ว และย้ายไปอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ส่วนตัวเองก็เข้าวงการจำหน่ายยาเสพติดโดยอาศัยศึกษาทางอินเตอร์เน็ตหลายเว็บไซต์

พล.ต.ต.ธีรเดช ยังกล่าวว่า จากข้อมูลของนักวิเคราะห์แผนประทุษกรรม พบว่าผู้ต้องหาคนนี้เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในต้นตอสำคัญ ของการแพร่ระบาดของ ยาอีและยาเลิฟ ในพื้นที่ กทม. และ ปริมณฑล และสืบสวนติดตามตัวมาเป็นเวลาเกือบ 3 เดือน ทำให้ทราบว่าคนร้ายรายนี้รู้จักวิธีการตัดช่องทางการสืบสวนของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และมีการศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้า เพื่ออำพรางการติดตามจากเจ้าหน้าที่ และด้วยคนร้ายรายนี้มีอายุเพียง 25 ปี แต่สามารถเป็นระดับหัวของการนำเข้ายาเสพติดจากทางยุโรปได้ น่าเชื่อว่าจะมีผู้ที่คอยให้การสนับสนุนอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง