หลักฐานใหม่ “แม่แตงโม” ไม่ทำคดีพลิก

อาชญากรรม
7 มี.ค. 66
15:25
402
Logo Thai PBS
หลักฐานใหม่ “แม่แตงโม” ไม่ทำคดีพลิก
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

อัยการอาวุโสชี้ จำเลย 2 คนคดี "แตงโม" รับสารภาพ จำเลยอื่นอาจได้อานิสงส์ ขณะที่"แม่"อ้างมีหลักฐานใหม่เรียกเงินเพิ่ม "กระติก-แซน-จ๊อบ" 40.8 ล้านบาท

วันที่ 2 มีนาคมที่ผ่านมา ศาลจังหวัดนนทบุรี นัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานจำเลยในคดีการเสียชีวิตของนางสาวนิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ "แตงโม" ปรากฏว่า นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือ "ปอ" และนายไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ หรือ "โรเบิร์ต" แถลงต่อศาลให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา จึงนัดพิพากษาในวันที่ 10 พ.ค. 66

ส่วนอีกอีก 4 คน คือ น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ "กระติก" นายวิศาพัช มโนมัยพิบูลย์ หรือแซน นายนิทัศน์ หรือ "จ็อบ" กีรติสุทธิสาทร นายภีม ธรรมธีรศรี หรือ "เอ็ม" ยังยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เป็นเหตุให้ศาลสั่งแยกฟ้องออกไปเป็นคดีใหม่ โดยนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ได้ยื่นต่อศาลขอเป็นโจทก์ร่วมในคดี พร้อมยื่นบัญชีรายการหลักฐานใหม่

"หลักฐานนี้จะแจ้งให้เราทราบว่า เกิดอะไรขึ้นในเรือ แล้วน้องเสียชีวิตอย่างไรบริเวณไหนในเรือด้วย เป็นเสียง 2 คน ในรถคุยกัน" นางภนิดา กล่าว

แม้ว่าแม่ของแตงโมจะไม่บอกว่า 2 คนบนรถคือใคร แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับ นางสาวอิจศรินทร์ หรือ"กระติก" คือ 1 ในคนที่อยู่ในรถของแตงโม หลังนำรถออกจากอู่จอดเรือกลับไปที่บ้านแตงโม หลังเกิดเหตุ ส่วนเสียงบุคคลที่กระติกพูดคุย ขณะอยู่บนรถคือเสียงของนางสาวสุรัตนาวี ภัทรานุกุล หรือ"โบ-ทีเค" เพราะอาสาขับรถไปส่งกระติก หลังกระติกติดต่อเพื่อขอความช่วยเหลือและทั้งคู่ต่างไม่เคยเปิดเผยถึงเรื่องราวที่สนทนากันตามลำพัง ในระหว่างเดินทางกลับไปบ้านของแตงโม

ย้อนคำเตือน "โบ-ทีเค" สัจจะทำให้เป็นไท

ผ่านไป 1 สัปดาห์ หลังแตงโมลาจาก โบ ทีเค ปรากฏตัวต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก พร้อมแถลงข่าวอธิบายถึงประเด็นต่างๆที่ถูกคนในสังคมพาดพิงถึง

"โบ" เป็นคนแรก ๆ ที่น้องกระติกโทรศัพท์ไปหา และเห็นอะไรเยอะกว่าคนอื่น  แต่เมื่อเห็นกระติกให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆ กลับมีบางอย่างไม่ถูกต้อง วันนี้จึงคิดว่าเป็นวันที่เหมาะสมแล้ว และเหตุผลที่เข้ามาพร้อมกับทนายความ จึงอยากมั่นใจว่า คำพูดจะไม่ถูกบิดเบือน หรือย้อนกลับมาทำร้ายตัวเองได้ " โบ กล่าว

และทิ้งท้ายข้อความถึงกระติกว่า "สัจจะจะทำให้คุณเป็นไท ความจริงเท่านั้นที่จะปกป้องคุณได้"

ครบ 1 ปี "แตงโม"ลาจาก หลักฐานใหม่สู้คดี

คดีคงไม่เปลี่ยน! เพียงแต่ทำให้ข้อเท็จจริงมันกระจ่างชัดขึ้นแค่นั้น จริงๆแล้วพยานหลักฐานไม่ใช่เพิ่งเกิดเมื่อวาน หรือเพิ่งพบเมื่อวาน เท่าที่ฟังคือ การไปรับคืนมาจากพนักงานสอบสวน ถ้าเอาคืนมาได้พยานหลักฐานนั้นก็ไม่สำคัญเท่าที่ควร นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด ตั้งข้อสังเกต

การต่อสู้ในคดีขับรถประมาทหรือการกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ทุกคนจะปฏิเสธก่อน เหตุผลคือ ต้องการซื้อเวลาเจรจา พอตกลงกันได้ก็รับสารภาพและแถลงต่อศาล

เช่น คดีเสี่ยขับรถเบนซ์ ที่ชดใช้ค่าเสียหายแก่บุตรผู้ตาย ก็ใช้เวลาเจรจาต่อรองกับฝ่ายผู้เสียหาย จะให้เขารับการเยียวยาทันทีไม่ได้ เพราะผู้เสียหายเองก็ต้องใช้เวลาทำใจ นี่คือเทคนิคการต่อสู้คดี ดังนั้นแม้จะเปิดหรือไม่เปิดคลิป และ ธรรมชาติของคดีก็ไม่เกี่ยวข้องกัน เชื่อว่าบุคคลทั้ง 2 ตั้งใจมารับสารภาพจริงๆ" อัยการอาวุโส กล่าว

และย้ำว่าคดีนี้ศาลไม่ได้เร่งรีบพิจารณา แต่ศาลใช้วิธีการสืบเสาะและเลื่อนตัดสินคดีเพื่อจะดูลักษณะนิสัยหรือพฤติกรรมการกระทำของจำเลย 2 คน เป็นอย่างไร มาประกอบการวินิจฉัย ส่วนคนที่ปฏิเสธ ศาลก็สั่งแยกฟ้องก็เป็นเรื่องปกติ

เยียวยาผู้เสียหายเป็นเหตุบรรเทาโทษคดีประมาท

นายปรเมศวร์ กล่าวว่า สำหรับเหตุบรรเทาโทษในคดีประมาทคือ การชดใช้เยียวยาผู้ที่เสียหาย โดยการลดโทษ ศาลจะดูเรื่องการบรรเทาความเสียหาย และพิจารณาจากหลักฐานที่ปรากฏอยู่ ตอนนี้อาจจะมีการสืบเสาะ หรือจำเลยอาจจะแถลงว่า ชดใช้ไปอย่างไรบ้าง และอาจสอบถามผู้เสียหายว่าได้รับเงินหรือการเยียวยาจริงหรือไหม ถ้าจริงก็จะเป็นเหตุให้ได้รับการบรรเทาโทษ หรือศาลอาจจะสั่งให้รอลงอาญาก็ได้


การชดใช้เยียวยาค่าความเสียหาย สำคัญกว่าคำสารภาพ ในการรับสารภาพ มันคือการตัดตอนไม่ต้องดำเนินคดีต่อ แต่เหตุที่จะบรรเทาโทษเป็นเรื่องสำคัญกว่า

"ปอ-โรเบิร์ต" สารภาพเปิดช่อง 4 จำเลยรับอานิสงส์

มีการตั้งข้อสังเกตว่าหลังจาก"ปอ-โรเบิร์ต" รับสารภาพ ส่งผลให้อีก 4 คนที่เหลืออาจได้รับอานิสงส์ในคดีเฉพาะผู้ที่มีข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คือ 3 คนบนเรือ "กระติก-แซน-จ๊อบ"

นายปรเมศวร์ อธิบายว่า สำหรับข้อหาประมาท ไม่มีข้อหาร่วมกันประมาท เหตุเพราะต่างคนต่างประมาทฯ ในกรณีจำเลย 2 คน ที่รับสารภาพแล้ว เพราะเขาเป็นคนขับเรือ ถูกแจ้งข้อหาขับเรือโดยไม่มีใบอนุญาต ซึ่งเป็นไปตามหลัก โดยปกติเพราะคนควบคุมยานพาหนะต้องระมัดระวัง สู้คดีไปก็ไม่มีประโยชน์

ส่วนอีก 3 คน แม้ไม่ได้ขับเรือ แต่ถูกแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาท สันนิษ ฐานว่า อาจหมายถึงการประมาทฯ โดยไม่แจ้งเตือนให้เพื่อนสวมเสื้อชูชีพ หรือ การประมาทโดยให้เพื่อนดื่มแอลกอฮอล์

โดยศาลจะพิจารณาว่า ในกรณีการประมาทโดยไม่แจ้งเตือนให้เพื่อนสวมเสื้อชูชีพ หรือให้เพื่อนดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป เป็นสาเหตุโดยตรงกับการตายของแตงโมหรือไม่ อยู่ที่การนำสืบพยานของอัยการจังหวัดนนทบุรีด้วย หากศาลเห็นว่า ทุกคนมีส่วนในการประมาทฯก็อาจลงโทษได้ประมาทมากหรือประมาทน้อย

แต่ขณะนี้ถือว่า 3 คนที่กำลังจะต่อสู้ในคดีกระทำการโดยประมาทฯ มีข้อได้เปรียบ เพราะมีคนรับสารภาพแล้ว ในแง่วิชาการ การประมาท มันอยู่ที่หน้าที่ เรามีหน้าที่ไหม ถ้าเราไม่ระมัดระวังในหน้าที่ก็ผิดในแง่การประมาท

นอกจากนี้นายปรเมศวร์ ยังตั้งข้อสังเกต เรื่องการอ้างถึงคลิปวิดีโอที่ระบุว่า มีการพูดถึงสาเหตุการตกเรือชัดเจน อาจจะผลประโยชน์ให้จำเลย 3 คน รอดพ้นจากคดีได้ เพราะถ้าฟังแล้วบางครั้งอาจกลายเป็นเขาไม่ได้ประมาทก็ได้

อย่ามองมุมเดียวว่า คลิปนี้เป็นหลักฐานเด็ด ต้องพิจารณาว่า เด็ดยกหรือเด็ดลงโทษ เพราะการมองของกระบวนการยุติธรรม ต่างจากการมองแบบชาวบ้าน

ค่าเสียหายใหม่ 40 ล้าน ใช้ฐานรายได้จ่ายภาษีประจำปี

แม้คดีนี้นางภนิดา มารดาของแตงโม ได้ทำสัญญาประนีประนอมกับฝ่ายจำเลยไปแล้วบางส่วน แต่ตามประมวลกฎหมายมาตรา 44/1 คดียังไม่มีคำพิพากษาเบ็ดเสร็จเด็ดขาด สัญญายังเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เมื่อพบพยานวัตถุใหม่ที่สำคัญในคดี 

นายปรเมศวร์ กล่าวว่า หลักการเรียกค่าเสียหายต้องดูรายได้จากการชำระภาษีประจำปี โดยนำรายได้มาคำนวนเฉลี่ยกับอายุการทำงานที่เหลือ กรณีหากยังมีชีวิตอยู่ จนถึงการคำนวนเงินบำ นาญหลังเกษียณ(ถ้ามี) แต่กรณีแตงโม เป็นนักแสดงอิสระ ไม่ใช่ข้าราชการจึงไม่มีฐานเงินเดือน

มี 2 คำถาม คือ แตงโมยื่นเสียภาษีเงินได้ปีละเท่าไหร่ เพื่อนำรายได้ทั้งหมดมาคำนวนฐานเงินเดือน และกำหนดอัตราส่วนการเพิ่มเงินรายได้ในแต่ละปี เพราะกลุ่มอาชีพดารานักแสดงไม่มีอายุเกษียณ แต่ก็มีความไม่มั่นคงทางรายได้ อาจจะพบกับจุดที่ตกต่ำ หรือทำเงินได้น้อยลง ก่อนอายุ 60 ปี

คำถามต่อมา คือ แตงโมส่งเสียให้แม่เท่าไหร่ ไม่ใช่การเอารายได้ทั้งหมดของแตงโมมาเรียก ร้องค่าเสียหายเป็นของตัวเอง เพราะการต่อสู้คดีความ ไม่ว่าจะเป็นความอาญาหรือความแพ่ง หากทำความจริงให้ปรากฏ ความยุติธรรมก็เกิด” นายปรเมศวร์ กล่าวทิ้งท้าย

รายงานโดย: กิตติพร บุญอุ้ม

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง