ดีเอสไอ บุก 2 จุดยึด "เครื่องใช้ไฟฟ้า - มือถือ" ผิดกฎหมาย มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท

อาชญากรรม
29 มี.ค. 66
10:25
410
Logo Thai PBS
ดีเอสไอ บุก 2 จุดยึด "เครื่องใช้ไฟฟ้า - มือถือ" ผิดกฎหมาย มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
DSI ร่วมกับ สมอ.กสทช. ภาค 1 ลงพื้นที่ 2 จุด ในเขตบางขุนเทียน จ.สมุทรสาคร ตรวจค้น ยึดสินค้าที่ไม่ผ่าน มอก. - โทรศัพท์มือถือ ไม่ผ่านการตรวจสอบจาก กสทช. มูลค่ารวมกว่า 30 ล้านบาท

วานนี้ (วันที่ 28 มี.ค.2566) กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ สมอ.กสทช.ภาค 1 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อตรวจค้น บ.เอกชน ในพื้นที่ ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ตามหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ 204/2566 และโกดังเลขที่ 859/11 แขวงท่าข้าม เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ หมายค้นศาลอาญาธนบุรี ที่ 158/2566

สถานที่ดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคล และนายทุนชาวจีนที่มีพฤติการณ์ร่วมกันเสนอจำหน่ายและจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้าประเภทโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต ที่ไม่ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และ พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498 และที่แก้ไขเพิ่มเติมบนแพลตฟอร์มตลาดเสมือนจริง

อาจมีการนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมดังกล่าวเข้ามาเพื่อจำหน่ายในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต และอาจเป็นการนำของที่ผ่านหรือกำลังผ่านพิธีการศุลกากรเข้ามาในราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น

ผลการตรวจค้น 2 จุด พบสิ่งของซึ่งจะใช้เป็นพยานหลักฐานประกอบการสอบสวนหลายรายการ ประกอบด้วย

1.เครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ไดร์เป่าผม หม้ออบลมร้อน เครื่องม้วนผม เตารีด พัดลม หม้อหุงข้าว เป็นต้น ที่ไม่ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมฯ จำนวนทั้งสิ้น 22,596 ชิ้น มูลค่าความเสียหายประมาณ 7 ล้านบาท

2.โทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต ที่ไม่ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม จำนวนทั้งสิ้น 17,919 ชิ้น มูลค่าความเสียหายประมาณ 16,601,100 บาท รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 23,601,100 บาท

สำหรับพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลและนายทุนชาวจีนดังกล่าวข้างต้น อาจเข้าข่ายเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม พ.ศ.2511 พ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ.2498

รวมทั้งกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทำการสืบสวนสอบสวนตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง