ปปป. พบ จนท.รัฐเอี่ยวรับสินบนกว่า 10 คน - เรียก 100 บริษัทให้ข้อมูล

อาชญากรรม
7 เม.ย. 66
15:44
752
Logo Thai PBS
ปปป. พบ จนท.รัฐเอี่ยวรับสินบนกว่า 10 คน - เรียก 100 บริษัทให้ข้อมูล
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ผบก.ปปป.เผย เตรียมแจ้งข้อหาเจ้าหน้าที่รัฐเพิ่มเกี่ยวข้องเรียกรับสินบน 3.2 ล้าน เลี่ยงภาษี 40 ล้าน ของหัวหน้าฝ่ายรายได้ เขตราชเทวี พบมีทรัพย์สินรวมกว่า 100 ล้านบาท ประกอบการที่เคยถูกเรียกรับเงินอีกกว่า 100 บริษัท

วันนี้ (7 เม.ย.2566) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เผยถึงความคืบหน้า การดำเนินคดีกับหัวหน้าฝ่ายรายได้ เขตราชเทวี เบื้องต้นจากการเข้าค้นคอนโดมิเนียมของสาวคนสนิท พบสมุดบัญชีธนาคาร มีเงินหมุนเวียนกว่า 5,000,000 บาท และเอกสารจำนวนมาก เจ้าหน้าที่เตรียมนำเอกสารทั้งหมดมาตรวจสอบ และพบว่ามีเจ้าหน้าที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดกว่า 10 คน รวมถึงผู้ประกอบการที่เคยถูกเรียกรับเงินอีกกว่า 100 บริษัท ซึ่งจะต้องเรียกทั้งหมดมาสอบปากคำ

อ่านข่าว : สอบเพื่อนสาวคนสนิท หน.ฝ่ายรายได้เขตราชเทวี พบเงินหมุนเวียน 5 ล้าน

ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างประชุมแบ่งชุดทำงานตรวจสอบเอกสารและพยานหลักฐานอื่นๆ เพิ่มเติม จากสมุดจดบันทึก 10 เล่ม และเอกสารจำนวนกว่า 9 ถุง ซึ่งถือเป็นเอกสารสำคัญของผู้ต้องหาที่มีการจดแจ้งบัญชีรายชื่อไว้ทั้งหมด รวมถึงแผนผังเชื่อมโยงถึงบุคคลระดับสูงกว่า และรายชื่อผู้ที่รับผลประโยชน์

ส่วนการตั้งข้อสังเกตที่ว่าทำไมมีการโอนเงินผ่านสาวคนสนิทเป็นจำนวนมาก พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่า จากพฤติกรรมของผู้ต้องหาเมื่อได้เงินมาจะเอาเงินโยกย้ายไปยังบัญชีของคนสนิท และเอาไปลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีการนำเงินไปลงทุนซื้อขายทองคำ อสังหาริมทรัพย์ สะสมพระเครื่อง และพระพุทธรูป รวมทรัพย์สินแล้วกว่า 100 ล้านบาท

ส่วนผู้ประกอบที่ถูกเรียกรับเงินในขณะนี้ ถูกกันไว้เป็นพยานในคดี ส่วนบริษัทอื่น ๆ อีกกว่า 100 บริษัท จะเรียกมาให้ข้อมูลในฐานะพยานเพิ่มเติม หากบริษัทใดเคยถูกเรียกรับเงินในลักษณะนี้ สามารถเข้าให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ได้

ด้าน พ.ต.อ.ธนวัฒน์ หิ้นยกฮิ่น ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เผยว่า เบื้องต้นพบว่าผู้ต้องหากระทำความผิดตั้งแต่ปี 61 ขณะนั้นทำงานอยู่ในส่วนของฝ่ายรายได้ สำนักงานเขตพญาไท ต่อมาได้ย้ายมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายรายได้ ที่สำนักงานเขตราชเทวี จนถึงปัจจุบัน ตลอดระยะเวลาที่ทำมีพฤติกรรมการเรียกรับเงินอย่างต่อเนื่อง ในส่วนนี้จะต้องรวบรวมพยานหลักฐานในการเอาผิดเพิ่มเติม

ผู้ว่าฯ กทม. ถก ผอ.-ผู้บริหาร 50 เขต เตือน ขรก. ต้องไม่ส่วย ไม่โกง

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานประชุมผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต และหัวหน้าหน่วยงาน

โดยนายชัชชาติกล่าวย้ำว่า ขออย่าให้ข้าราชการน้ำดี เสียกำลังใจ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ยืนยันว่า กทม. ให้ความสำคัญกับคำที่ว่า " ไม่ส่วย ไม่เส้น" เพราะเรื่องของการทุจริตเป็นสิ่งที่รับไม่ได้ และขอฝากเตือนถึงข้าราชการทุกคน

นายชัชชาติ ระบุด้วยว่า กรณีที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องปัญหาเชิงระบบอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องการของนำวิจารณญาณมาใช้ในการให้คุณให้โทษกับประชาชนด้วย ซึ่ง กทม. ย้ำมาต่อเนื่องว่า ให้ทุกสำนักต้องปรับเปลี่ยน ระบบออนไลน์และเทคโนโลยี มาทำให้เป็นระบบ เปิดเผย โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้

"ต้องขอบคุณหน่วยงานทั้ง 4 หน่วย ที่เข้าไปบุกจับ ซึ่งตามนโยบายของเราพูดเรื่องนี้มาตลอดเรื่องความโปร่งใส "ไม่ส่วย ไม่เส้น" ที่ผ่านมา เรื่องแบบนี้ประชาชนอาจนึกถึงกลุ่มของเทศกิจหรือสำนักงานโยธาแต่ก็ยังมีอีกหลายหน่วยที่ระแคะระคายมาเหมือนกันหรือที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษี หากมีการใช้ดุลพินิจส่วนตัวก็อาจเกิดการเรียกรับผลประโยชน์ได้ "

ผู้ว่าฯ กทม. ระบุด้วยว่า กรุงเทพฯ ไม่ได้มีอำนาจในการจับกุมก็ต้องใช้วิธีการประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าไปจับโดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการ กรุงเทพมหานครดำเนินการ ประสาน

ส่วนประเด็นทุจริต เป็นสิ่งที่ กทม. ย้ำมาตลอดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เรารับไม่ได้อยู่แล้วการทุจริตคอร์รัปชัน และในฐานะเป็นผู้บริหาร กทม. ยืนยันว่า เรากล้าทำทุกอย่างกล้าลุยทุกเรื่อง เพราะเราไม่เคยให้ใครมานำส่งรายได้ให้เรา

ทั้งนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ขอฝากเตือนถึงข้าราชการทุกคนว่า เดี๋ยวนี้เวลาจะทำอะไร ข้อมูลมันมีชัดเจน รวมถึงประชาชนก็จับตาอยู่ ผมยังเชื่อว่าข้าราชการส่วนใหญ่ใน กทม. เป็นคนดีมีแค่คนส่วนน้อย ที่ยังไม่โปร่งใสก็ต้องช่วยกันหาทางให้คนส่วนใหญ่ทำงานรับใช้ประชาชนได้

อย่างคนนี้ผมก็เชื่อว่ากระทำมานานแล้ว แต่ว่าถ้าเรามีตัวอย่างที่เอาผิดได้ชัดเจน มีนโยบายที่ชัดเจน รวมถึงคนเป็นหัวต้องนิ่งด้วย อย่างน้อยที่ผ่านมาเราเห็นว่ามีจับกุม 2 เคสคือ เคสของ ผอ.โรงเรียนบางชัน และกรณีเคสนี้
นั่นทำให้เห็นว่าเรามีความจริงจังและสนับสนุนกระบวนการให้เดินหน้าต่อได้

นายชัชชาติ ยังระบุด้วยว่า รวมถึงต้องให้โอกาสคนดีมีความสามารถ ได้เข้ามาทำงานด้วยการแต่งตั้งโยกย้ายอย่างเป็นธรรม ซึ่งภาพรวมที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้หมายถึงแค่การคอร์รัปชันเพียงอย่างเดียวแต่ต้องพูดถึงระบบด้วยเช่นการนำระบบออนไลน์เข้ามาช่วยจัดการเพื่อลดปัญหา การคอร์รัปชันหรือความเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดความไม่โปร่งใส

รวมถึงการเปิดเผยข้อมูล Open Data ระบบตรวจสอบภายในร่วมกับผู้ตรวจราชการเข้าไปช่วยเขตหรือสำนักงานเขตต่างๆ ในการดำเนินการปิดตรวจสอบไม่ได้หมายถึงเข้าไปจับผิดแต่เข้าไปช่วยกัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ตั้ง กก.สอบวินัย "หน.ฝ่ายรายได้" เขตราชเทวี ปมเรียกรับสินบน

ค้นบ้าน หน.ฝ่ายรายได้เขตราชเทวี พบเงิน 6.9 ล้านบาทซุกรถยนต์ภรรยา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง