บทวิเคราะห์ : เพื่อไทยหวัง “ปังสุดกู่” แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น

การเมือง
10 เม.ย. 66
09:46
295
Logo Thai PBS
บทวิเคราะห์ : เพื่อไทยหวัง “ปังสุดกู่” แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
พรรคเพื่อไทยเปิดนโยบายล่าสุด สร้างความฮือฮาไปทั่ว เมื่อประกาศแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาทให้กับคนไทยที่อายุ 16 ปีขึ้นไป หวังกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากของประเทศ

โดยประชาชนสามารถจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้าในพื้นที่ที่กำหนด จะทำให้เกิดการไหลเวียนของเงินในระบบเศรษฐกิจ ขณะที่รัฐ จะมีรายได้จากการเก็บภาษีในปี 2567 ซึ่งพรรคเพื่อไทยประกาศจะเริ่มต้นโครงการได้ทันที จะเพิ่มขึ้น 267,000 ล้านบาท

ถือเป็นนโยบายที่ “ปัง” ต่อเนื่อง หลังจากก่อนหน้านี้ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านวัตกรรมและการมีส่วนร่วม ของพรรคเพื่อไทย เปิดนโยบายชุดแรกๆ กำหนดจะขึ้นค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาทในปี 2570 ได้สร้างความฮือฮามาก่อนหน้านี้แล้ว

ทั้งล่าสุด ยังประกาศระหว่างพูดคุยกับชาวลำปาง ผ่านระบบซูมว่า จะปรับขึ้นวันละ 400 บาท ทันทีในปีแรกที่ได้เป็นรัฐบาล คือภายในปี 2566

จึงเป็นเสมือนพลังซูเปอร์เพาเวอร์ ช่วยเพิ่มแรงส่งให้พรรคเพื่อไทย บรรลุเป้าหมายแลนด์สไลด์ แม้ว่านโยบายลักษณะเช่นนี้ “พรรคการเมืองจะคิดไม่เป็น” หรือไม่มี เพราะหลายนโยบายทั้งที่ประกาศบนเวทีหาเสียง ผ่านเว็บไซต์ของพรรค หรือการสัมภาษณ์ของแกนนำ ล้วนแล้วแต่เป็นนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการใช้เงิน การลดแลกแจกแถม เกทับบลัฟแหลกกันในทีแทบทั้งสิ้น เพียงแต่อาจไม่โดนใจมากเท่ากับของพรรคเพื่อไทย ซึ่งเชี่ยวชาญ และถนัดกว่า

รวมทั้งผู้คนอีกจำนวนไม่น้อย รู้สึกว่า ช่วง 8 ปีที่ผ่านมา บนตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะทุกข์ยาก เจอปัญหาเศรษฐกิจ ค่าครองชีพ ข้าวของมีราคาแพงอยู่ก่อนแล้ว แม้ว่าในทางปฏิบัติ เศรษฐกิจของประเทศจะเริ่มขยับตัวขึ้น นับตั้งแต่เปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มซาลง เมื่อปลายปี 2564

กิจการร้านค้า ธุรกิจหลากหลายคลัสเตอร์ เริ่มจะลืมตาอ้าปากได้ เป็นความชัดเจนแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศเริ่มฟื้นตัว เพียงแต่อาจมีบางส่วนใจร้อน อยากให้เศรษฐกิจของประเทศโตไวๆ มีเงิน มีรายได้สำหรับใช้จ่ายทดแทนช่วงโควิด-19 ซึ่งก็ไม่ผิด ที่คิดหรือรู้สึกเช่นนั้น

แต่ประเด็นสำคัญที่ถูกเชื่อมโยงถึงสถานการณ์ปัจจุบัน คือเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา บอบช้ำอย่างหนัก อยู่ภาวะซึมลึก ซึมยาว ซึมนาน ดังที่แกนนำพรรคเพื่อไทยกล่าวย้ำ และระบุชัดว่า

หากรัฐบาลยังจะใช้วิธีหยอดน้ำข้าวต้มไปเรื่อย ๆ ด้วยเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ไม่ก่อให้เกิดการหมุนเวียนในเศรษฐกิจ จริงหรือไม่ จึงต้องนำนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลเข้ามาใช้ เพราะหากเศรษฐกิจของประเทศอมโรคขนาดนั้น การฟื้นตัวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา คงเกิดขึ้นได้ยากมาก

เช่นเดียวกับเรื่องรายได้จากการจัดเก็บภาษี 267,000 ล้านบาท จะมีหลักประกันทำได้จริงในทางปฏิบัติได้แค่ไหน ยังไม่นับรวมผู้ได้รับประโยชน์จริงจากโครงการนี้ ไม่แคล้วยักษ์ใหญ่ทั้งค้าปลีกค้าส่งที่กระจายไปทั่วประเทศแล้วขณะนี้ แม้จะกำหนดรัศมี 4 กิโลเมตร แต่ในทางปฏิบัติเชื่อว่าอาจมีข้อยกเว้นหรือต้องขยายรัศมีการใช้ดิจิทัลวอลเล็ต

ที่สำคัญคือเรื่องช่องโหว่มากมาย สำหรับคนหัวใสหลายจำพวก ดังเห็นได้จากหลายโครงการที่มีมาก่อนหน้านี้ เช่น ท่องเที่ยวทั่วไทย จ่ายคนละครึ่ง นอกจากนี้การที่ประชาชนได้เงินมาง่าย การใช้จ่ายก็จะง่าย โดยไม่ต้องคิดอะไรมากเช่นกัน

รวมทั้งผลพวงที่จะตามมาจากการขาย และเสพนโยบายประชานิยม ที่จะยิ่งถูกกระตุ้นทั้งพรรคการเมือง และกลุ่มเป้าหมายคือประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วไป แทนที่ชีวิตจะมีความหวังจากการประกอบอาชีพ มีช่องทางสนับสนุนจากภาครัฐในด้านการเพิ่มศักยภาพ ประสิทธิผล พัฒนาและใช้ประโยชน์จากซอฟท์เพาเวอร์ ที่ประเทศไทย มีอย่างล้นเหลือ กลับมาเน้นและหมกมุ่นอยู่กับเรื่องแย่งชิงแจกปลาให้ชาวบ้าน โดยใช้เงินของชาวบ้านเอง แทนการสอนและแนะเทคนิคเรื่องการจับปลา ที่เป็นเรื่องความยั่งยืน

เพราะหากศึกษาจากความล้มเหลวอย่างแสนสาหัสของหลาย ๆ ประเทศในอเมริกาใต้และอเมริกากลาง โดยเฉพาะอาร์เจนตินาและเวเนซุเอลาแล้ว จะพบว่าเป็นบทเรียนสำคัญที่ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

กกต.สรุปเบื้องต้นขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้ากว่า 2.1 ล้านคน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง