เมื่อคนหันหลังให้ศาสนา แล้วหันหน้า "ดูดวง" เป็นทางพึ่งของชีวิต

สังคม
26 เม.ย. 66
15:21
1,459
Logo Thai PBS
เมื่อคนหันหลังให้ศาสนา แล้วหันหน้า "ดูดวง" เป็นทางพึ่งของชีวิต
เมื่อ "การดูดวง" กลายเป็นประเด็นสังคมที่เกี่ยวเนื่องไปถึงคำสอนในศาสนา แต่ "แม่หมอมาดามปี" สะท้อนอีกมุม ในโลกความจริงว่า ศาสนาไม่ได้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้ทุกครั้ง และบางคนก็เลือกหันหน้าเข้าหาหมอดู โดยไม่ได้สนใจถึงข้อห้ามที่บัญญัติไว้
ถ้าลูกดวงไม่ให้ดู หมอดูก็ดูไม่ได้

คำตอบด้วยเสียงที่หนักแน่นจาก ปีใหม่-ภัทรภรณ์ พัวพงษ์ไพโรจน์ หรือ "แม่หมอมาดามปี" นักพยากรณ์มืออาชีพที่ศึกษาทุกศาสตร์พยากรณ์ ชื่อที่ลูกดวงหลายคนรู้จักในโลกออนไลน์ อธิบายหลักการดูดวงให้ทีมข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ฟังว่า

ด้วยความสนใจศาสตร์พยากรณ์หลายด้าน จึงหาเวลาศึกษา และพบว่า เรื่องเหล่านี้ "ไม่ใช่เรื่องของการคาดเดา มโน หรือ หมอดูไม่เท่ากับหมอเดา" แต่การพยากรณ์จะผูกติดกับเรื่องของธรรมชาติ ดวงดาว ที่มีเส้นร้อยเรียงต่อกัน

คนหันหลังให้ศาสนากลับหันหน้าเข้าหาดวง

เป็นเรื่องจริงที่ทั้งศาสนาคริสต์ และอิสลาม ต่างสอนให้ศาสนิกชนของตน เชื่อในพระผู้เป็นเจ้าของตนเพียงพระองค์เดียว และเรื่องของความศรัทธาศาสนาจะมากน้อยแค่ไหน ล้วนเป็นเรื่องส่วนบุคคล ถ้าใครคิดว่าเป็นบาป จะไม่ดูก็ไม่ผิดอะไร และไม่ควรมีใครไปบังคับ

แต่ "ปีใหม่" เล่าว่า ทุกวันนี้ลูกดวงหรือคนที่มาดูดวงกับเธอ เป็นคนต่างศาสนาเยอะมาก และที่มากไปกว่านั้นคือ "คนไม่นับถือศาสนา"

ส่วนหนึ่งมาจากข่าวเรื่องลบของวงการศาสนาในบ้านเรา ที่ทำให้คนเริ่มหมดศรัทธา ไม่ยอมเข้าวัด ไม่ถวายสังฆทานกับพระสงฆ์ คนเลือกจะทำบุญกับผู้ยากไร้ หรือสัตว์ไม่มีเจ้าของมากกว่า

เริ่มต้นไม่มีศาสนา แต่ลงท้ายด้วยศาสนาเสมอ

ลูกดวงทุกคนไม่ได้บอกว่า ตัวเองนับถือศาสนาอะไร
จะมารู้ก็ตอนที่ให้ตั้งจิตอธิษฐาน หรือตอนที่บอกว่าให้ไปแก้กรรม

เพราะทุกคนเชื่อว่า การดูดวง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนา แต่เป็นเรื่องของความอยากรู้ ความไม่สบายใจ การอยากระบายข้อติดค้างในใจ

หมอดูก็กลายเป็นเพื่อน เป็นนักจิตบำบัด ไปแบบกลายๆ

แต่เมื่อหมอดูบอก "ความน่าจะเป็น หรือความเป็นไปได้" กับเหตุการณ์ทั้งในอดีตและอนาคต ถ้าลูกดวงเชื่อ ก็จะถามขึ้นมาเองว่า "แล้วจะต้องทำอย่างไรต่อไป ?"

ซึ่งแม่หมอมาดามปี ก็สะท้อนกลับไปว่า ให้ยึดมั่นทำความดีต่อไป หรืออยากทำอะไรให้สบายใจขึ้นก็ทำ ซึ่งตอนนั้น ก็ถึงได้รู้ว่า ลูกดวงจู่ๆ ก็มีศาสนา ข้อห้ามของแต่ละศาสนาก็จะได้รู้กันตอนนั้น

ชาวพุทธ ก็จะชอบทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลา ซื้อของบริจาคมูลนิธิ ชาวมุสลิมหรือคริสเตียน ให้ไปปรึกษา อิหม่าม หรือ บาทหลวง ก็ให้เขาไปต่อในทางของเขา แต่ต้องเป็นหนทางที่เขาถามเรากลับมา เราก็มีหน้าที่ชี้แนวทางให้

ขอบเขตของหมอดู

หมอดูเองก็ต้องมีขอบเขตในการทำงานเช่นกัน ในมุมของศาสตร์พยากรณ์จะมีข้อกำหนดไว้ว่า การดูดวงต้องขึ้นกับลูกดวงจะให้ดูแค่ไหน ถามอะไรก็จะตอบแค่นั้น อยู่ที่เขาเปิดให้เรา และเราเองช่วยได้มากน้อยแค่ไหนด้วย

ความช่วยเหลือของหมอดูแต่ละคน หรือแม้กระทั่งแต่ละศาสตร์ ก็แตกต่างกัน ทางตะวันตกเน้นการบำบัดพฤติกรรม ไม่ยึดติดกับความเชื่อหรือศาสนา คำทำนายของฝั่งตะวันตก หากลองเปิดในหนังสือไพ่ทาโรห์ของต่างชาติ จะไม่มีคำว่า "กรรม" "ชาติที่แล้ว" "เจ้ากรรมนายเวร" แต่จะมุ่งไปในทางแก้ไข เตือนให้มีสติ แก้ไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

แต่ทางตะวันออกโดยเฉพาะบ้านเรา จะเน้นเรื่อง "มูเตลู" สารพัดจะไหว้ ไหว้ทุกสิ่งที่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ศรัทธา และทำทุกอย่างจนหลายเรื่องถูกมองว่างมงายไร้เหตุผล

หลายประเทศทั่วโลก ต่างมีศาสตร์พยากรณ์ของตนเองทั้งนั้น โดยที่ศาสตร์เหล่านี้ไม่ได้มีจุดเริ่มต้นจากศาสนา แต่เป็นเรื่องของวัฒนธรรม ความเชื่อ ประเพณี

แต่เมื่อต้องการให้คนส่วนใหญ่เชื่อตามไปด้วย จึงต้องนำความเชื่อ ความศรัทธาของศาสนาเข้ามาผสม เช่น การดูไพ่ทาโรต์ บางใบมีรูปนักบวช เทพ ปีศาจในความเชื่อ ตำนานต่างๆ เข้าไปอยู่รวมกัน

แต่เป้าหมายคือ ต้องการให้คนยึดมั่นในความดี เช่นเดียวกับทุกศาสนาที่มีเป้าหมายเช่นนั้นเช่นกัน

รู้หรือไม่ : คำว่า TAROT นั้นแท้ที่จริงมาจากคำว่า TORAH หรือคัมภีร์โตราห์ ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่ใกล้เคียงกับคัมภีร์ไบเบิลของศาสนาคริสต์มากที่สุดของโลก 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง