วันที่ 27 พ.ค.2566 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผย ถึงกรณีคดีของผู้หญิง ซึ่งเป็นเจ้าแม่แก๊งอุ้มบุญให้ทุนจีนสีเทา ที่ถูกตำรวจจับกุมไปแล้วก่อนหน้านี้ และอยู่ระหว่าง เพิกถอนสัญชาติ
ซึ่งจากการสอบปากคำ ผู้หญิงคนดังกล่าว พบมีนักข่าวสาวไทย เชื้อสายจีน เรียกรับเงินจากผู้ต้องหา อ้างว่าสนิทสนมและทำงานใกล้ชิดกับตน จึงสามารถวิ่งเต้นล้มคดีได้ ซึ่งเป็นอาชญากรคนอื่นๆ ได้ โดยเรียกรับเงินจำนวน 33 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาจ่ายไปเพียง 14 ล้านบาท
จากการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมหลักฐานพบมีมูลความจริง จึงเสนอศาลขอออกหมายจับนักข่าวสาวคนดังกล่าว ในข้อหาเรียกรับหรือยอมจะรับผลประโยชน์ใดๆ เพื่อจะให้เจ้าพนักงานของรัฐกระทำการใด ที่ไม่ใช่การปฏิบัติหน้าที่ ก่อนเข้าจับกุมได้ที่คอนโดที่พัก
รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติระบุอีกว่า พฤติการณ์การกล่าวอ้าง หรือแอบอ้างตนว่าจะสามารถช่วยเหลืออาชญากร หรือเรียกรับผลประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าบุคคลดังกล่าวจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อง เพื่อน หรือนักข่าว เมื่อแอบอ้างชื่อตน เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ซึ่งก่อความเสียหายให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนจะไม่ละเว้น ต้องขอดำเนินคดีทุกรายซึ่งก่อนหน้านี้ ก็เห็นเป็นข่าวแล้วหลายคดี ทั้งเพื่อนร่วมรุ่น หรือแม้แต่นักข่าวก็ถูกดำเนินคดีมาแล้ว
กรณีนักข่าวสาวคนดังกล่าว ตนยอมรับว่าทำงานให้กับตนจริง ซึ่งตนใช้ประสานงานกับทางการจีน เพราะสามารถใช้ภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วและเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในประเทศจีน แต่เมื่อกระทำผิดก็ต้องดำเนินการ ตามกระบวนการของกฎหมาย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง
อ่านข่าว :
สาวบัญชีม้ารับทราบข้อหา หลอกเงิน "ต๋อง ศิษย์ฉ่อย" - ตร.จ่อออกหมายเรียกเพิ่ม
รวบหัวหน้าแก๊งชาวไต้หวันเปิดบริษัทยาปั่นหุ้น เสียหาย 2.3 หมื่นล้าน