ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

เช็กสัญญาณแล้ง 4 เขื่อนใหญ่ "ป่าสักชลสิทธิ์" น้ำเหลือแค่ 15%

สิ่งแวดล้อม
15:21
4,476
เช็กสัญญาณแล้ง 4 เขื่อนใหญ่ "ป่าสักชลสิทธิ์" น้ำเหลือแค่ 15%
อ่านให้ฟัง
05:20อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เช็กสัญญาณภัยแล้ง กรมชลประทาน รายงานปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนขนาดใหญ่ พบเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ น้ำกักเก็บเหลือแค่ 15% ส่วนภูมิพล 53% เขื่อนสิริกิติ์ 41% นักวิชาการห่วงเจ้าพระยาเจอน้ำเค็มรุกปลายเดือนธ.ค.นี้

หลังจากมีคาดการณ์แนวโน้มปรากฎการณ์เอลนีโญ ที่อาจส่งผลให้เกิดภาวะภัยแล้ง และขาดแคลนน้ำลากยาวถึงปีหน้า ซึ่งกรมชลประทาน ต้องเตรียมบริหารจัดการน้ำในเขื่อน

ไทยพีบีเอส สำรวจปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ที่ลดลงต่อเนื่อง ทำให้ซุ้มประตูวัดเก่าแก่ เริ่มโผล่พ้นน้ำให้เห็น รวมถึงเนินดินกลางเขื่อนก็โผล่ขึ้นมา แม้จะยังไม่เข้าสู่ช่วงฝนทิ้งช่วง ที่จะเริ่มช่วงกลางเดือนมิ.ย.นี้ 

นายอนุสรณ์ ตันติวุฒิ รองผอ.สำนักงานชลประทานที่ 10 กรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เมื่อเปรียบเทียบปีที่แล้ว ในช่วงเวลาเดียวกัน ยังคงไม่แตกต่าง และคาดว่าจะไม่รุนแรงเท่าภัยแล้งเมื่อปี 2563 ที่เหลือน้ำเพียง 8-9 ล้านลูกบาศก์เมตร และจะต้องบรรทุกน้ำไปแจกจ่ายให้เกษตรกร

โดยปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ขณะนี้คงเหลือที่ 141 ล้านลูกบาศก์เมตร จากความจุเขื่อน 960 ล้านลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์ปกติ ใกล้เคียงกับปี 2565 ปัจจุบันระบายน้ำวันละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อใช้อุปโภคบริโภค จากเดิมที่ระบายวันละ 3-4 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อให้เกษตรกรใช้ทำนาปรัง และทำเกษตรกรรม

คาดว่าจะมีน้ำใช้อีก 3-4 เดือน จากนั้น 2 เดือนน้ำจากต้นน้ำเพชร บูรณ์จะไหลเข้าเขื่อน ดังนั้นประเมินน้ำในเขื่อนที่มีอยู่จึงเพียงพอ

ทั้งนี้ การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งแต่ช่วงหน้าแล้ง เดือนม.ค.ที่ผ่านมา มีการระบายน้ำเพื่อการเกษตร และนาปรังไปแล้วกว่า 600 ล้านลูกบาศก์เมตร

ส่วนหน้าฝนนี้ จะเน้นระบายน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ส่วนการทำการเกษตร หรือนาปี จะใช้น้ำฝนเป็นหลัก หากขาดแคลน ก็จะใช้น้ำในเขื่อนไปช่วย ซึ่งในช่วงฝนทิ้งช่วง จำเป็นจะต้องขอความร่วมมือเกษตรกรที่ทำการเกษตรบนพื้นที่ดอน ให้เลื่อนการทำเกษตรไปก่อนจนกว่าฝนจะตกสม่ำเสมอ

เช็กปริมาณน้ำกักเก็บ 4 เขื่อนใหญ่

ข้อมูลจากกรมชลประทาน (10 มิ.ย.) รายงานปริมาณในเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ 16,130 ล้านลบ.ม. เทียบกับปี 2565 ปริมาณ 18,616 ล้านลบ.ม.โดยพบว่า 4 เขื่อนใหญ่ ดังนี้

  • เขื่อนภูมิพล ปริมาณน้ำ 7,113 ล้านลบ.ม.คิดเป็น 53% ของความจุอ่าง
  • เขื่อนสิริกิติ์ ปริมาณน้ำ 3,943 ล้านลบ.ม.คิดเป็น 41% ของความจุอ่าง
  • เขื่อนแควน้อย ปริมาณน้ำ 191 ล้านลบ.ม.คิดเป็น 20% ของความจุอ่าง
  • เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ปริมาณน้ำ 142 ล้านลบ.ม.คิดเป็น 15 % ของความจุอ่าง

ห่วงเจ้าพระยาเจอน้ำเค็มรุกปลายเดือนธ.ค.นี้ 

ผศ.ดร.สิตางศุ์ พิลัยหล้าภาควิชาวิศวกรรมทรัพยากรน้ำ มหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์ (มก.) ประเมินว่าสถานการณ์แล้งที่เกิดขึ้นในปีนี้ จะส่งผลกระทบไปถึงปีหน้า จากปรากฎการณ์เอลนิโญ สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากนี้ คือผลกระทบต่อเกษตรกร และชาวนา น้ำดิบสำหรับผลิตน้ำประปา

ที่สำคัญคือน้ำจืดสำหรับผลักดันน้ำเค็มมีไม่เพียงพอ จะทำให้น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยากร่อย และเริ่มเห็นผลกระทบช่วงปลายเดือนธ.ค.นี้ ยาวไปจนถึงเดือนมี.ค.2567

จึงขอให้กรมอุตุนิยมวิทยามีข้อมูลสำหรับเตือนประชาชนชัดเจน กรมชลประทานต้องบริหารจัดการน้ำ และปรับแผนการจ่ายน้ำสำหรับภาคเกษตรกรรมด้วย 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

“สัตว์ สลัดป่า” Climate change สะเทือนทุกชีวิต