จับตาเลือก “ผบ.ตร.คนใหม่” โผอาจพลิก หลัง ก.ตร.พิจารณาจาก “อาวุโส-งานหลัก”

สังคม
4 ก.ย. 66
07:00
46,823
Logo Thai PBS
จับตาเลือก “ผบ.ตร.คนใหม่” โผอาจพลิก หลัง ก.ตร.พิจารณาจาก “อาวุโส-งานหลัก”
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
“ผบ.ตร.คนใหม่” อาจไม่เป็นไปตามโผ หลัง ก.ตร.ใช้เกณฑ์ ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 คัดเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ จากอาวุโส และงานที่ทำ โดยเฉพาะด้านงานสืบสวนสอบสวนและงานปราบปรามเป็นหลัก

วันนี้ (3 ก.ย.2566) รายงานข่าวจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) จะนำ พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 มาใช้เป็นหลักในการพิจารณาแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

โดย มาตรา 77 ระบุว่า การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ให้แต่งตั้งตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
(1) ตำแหน่ง “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งจากข้าราชการตำรวจยศพลตำรวจเอก ซึ่งดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ หรือรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

มาตรา 78 การคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 77 (1) (2) (3) (4) (5) (6) ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้

การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งตามมาตรา 77 (1) ให้นายกรัฐมนตรีคัดเลือกรายชื่อพนักงานตำรวจผู้มีคุณสมบัติตามมาตรา 77(1) โดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกันโดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนหรืองานป้องกันปราบปราม เสนอ ก.ตร.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนแล้วให้นายกรัฐมนตรีนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง

รายงานข่าวระบุว่า ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย ต้องการให้การแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คำนึงถึงความอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน หมายความว่า ให้น้ำหนักอาวุโส 50 % ความรู้ความสามารถ 50 %

ดังนั้นคณะกรรมการที่พิจารณา จะต้องนำอาวุโสขึ้นมาเป็นเกณฑ์หลักในการพิจารณาก่อน โดยแบ่งเป็นคะแนนอาวุโสกับความรู้ความสามารถอย่างละ 50 % เท่าๆ กัน เมื่อเรียงอาวุโสแล้ว ใครอาวุโสสูงสุดในระดับพลตำรวจเอก คือตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจ เมื่อเรียงอาวุโสแล้วผู้ใดมีอาวุโสสูงสุด จะได้คะแนน 50 %

ส่วนคนที่รองลงมาก็เฉลี่ยลงมาว่า จะได้กี่เปอร์เซนต์ โดยผู้ที่อาวุโสสูงเป็น 100 % นับจากคนที่อาวุโสสูงสุด กับอายุราชการด้วย ก็จะได้คะแนนเต็ม 50 % ส่วนคนที่รองลงมาก็เฉลี่ยลงมาว่าจะได้กี่เปอร์เซนต์ โดยเอาคนที่ได้ 50 % เต็ม คิดเป็น 100% โดยนับอาวุโสกับระยะเวลาอายุราชการและคำนวณสัดส่วนเปอร์เซ็นต์ออกมา

ส่วนอีก 50 % ให้พิจารณาตามสายงาน 5 สายงาน ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติใช้พิจารณาแต่ให้คะแนนประสบการณ์ งานสืบสวนสอบสวนและงานปราบปรามเป็นหลัก มากกว่าคะแนนด้านอื่น

เพราะมาตรา 78 (1) ระบุว่า โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวน หรืองานป้องกันปราบปราม แต่ในสายงานอื่นก็ต้องมีคะแนนด้วย การกำหนดคะแนนต้องกำหนดให้เกิดความเป็นธรรม

สำหรับการกำหนดเกณฑ์มาตรฐานไว้ เช่น งานสืบสวน 12 คะแนน งานสอบสวน 12 คะแนนงานป้องกันปราบปราม 12 คะแนน งานที่เหลืออีก 2 ด้าน ด้านละ 7 คะแนน เป็น 14 คะแนน รวมเป็น 50 คะแนน ให้มีการกำหนดช่วงห่างการให้คะแนน ต้องกำหนดไว้เลยว่า ถ้าใครผ่านงานชนิดใดมามากน้อยเท่าใดแล้ว จะได้คะแนนมากน้อยเท่าใด

แต่ถ้าใครไม่ผ่านงานด้านใดมาเลย ต้องไม่มีคะแนน เป็นการกำหนดกรอบการให้คะแนนไว้ เพื่อป้องกันการใช้ดุลพินิจตามอำเภอใจของคณะกรรมการคัดเลือก เพื่อไม่ให้คะแนนของผู้เข้ารับการคัดเลือกแตกต่างกันมาก ความรู้ความสามารถ 50 % ถ้าให้ 50 คะแนน ควรให้ทุกสายงานเท่ากัน เพราะผู้บริหารควรมีทุกอย่าง ป้องกันปราบปราม สืบสวนสอบสวน บริหารความมั่นคงและกิจการพิเศษกฎหมายและคดี

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ ไม่มีการกำหนดกฎเกณฑ์ตั้งแต่แรก หรือกำหนดกฎเกณฑ์แบบไม่เป็นธรรม เพื่อให้การคัดเลือกครั้งนี้เป็นไปโดยเป็นธรรม และให้ได้ผู้ที่มีความอาวุโสและมีความรู้ความสามารถ โดยเฉพาะประสบการณ์ในงานสืบสวนสอบสวนและงานป้องกันปราบปรามตามเจตนารมย์ของมาตรา 78 (1) อย่างแท้จริง

ขอบคุณภาพ : POLICETV

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง