กทม.เตรียมรับมือฝุ่น PM 2.5 "เข้มงวดต้นตอ - WFH ช่วงฝุ่นสูง"

สังคม
18 ก.ย. 66
18:40
1,039
Logo Thai PBS
กทม.เตรียมรับมือฝุ่น PM 2.5 "เข้มงวดต้นตอ - WFH ช่วงฝุ่นสูง"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กทม.เตรียมรับมือ PM 2.5 ปลายปีนี้ ชงรัฐบาล - จับมือเครือข่ายร่วมแก้ปัญหา ยังยึดแผน WFH ช่วงฝุ่นสูง เข้มงวดแหล่งกำเนิดฝุ่นต่อเนื่อง เอาจริงเรื่องลดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม

วันนี้ (18 ก.ย. 2566) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงการรับมือสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ภายหลังการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการประชุมคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ใน กทม. ในหลายมิติ ตั้งแต่เรื่องการพยากรณ์ โดยได้ประสานงานกับกรมควบคุมมลพิษ กรมอุตุนิยมวิทยา ในการปรับโมเดล เนื่องจากการพยากรณ์เป็นเรื่องที่สำคัญในการเตรียมการรับมือ

ในส่วนของ กทม.ได้ทำแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้มีการเชื่อมโยงถึงโครงการ Work from home ในช่วงที่ฝุ่นเยอะ ซึ่งจะมีเครือข่ายที่ร่วม Work from home เพื่อลดการใช้รถและทำงานที่บ้านด้วย

สำหรับการจำกัดต้นตอฝุ่น มี 3 เรื่อง คือ โรงงานอุตสาหกรรม ได้มีการหารือกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว มีโรงงานทั้งหมดประมาณ 5,000 แห่งใน กทม. แต่ที่มีความเสี่ยงในการใช้เชื้อเพลิงที่อาจก่อให้เกิด PM 2.5 ประมาณ 500 แห่ง ซึ่งได้มีการประสานงานและขอรายชื่อ ตำแหน่งพิกัด และเข้าไปตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ มีโรงงานอยู่ 4 แห่ง ที่เฝ้าติดตามปล่องว่าปล่อย PM 2.5 เท่าใด (real time) โดยจะส่งสัญญาณมาที่ กทม. เพื่อที่จะติดตามและสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมรวมถึงแพล้นปูนก็ได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องมาตลอด

นายชัชชาติ กล่าวว่า เรื่องรถยนต์เป็นเรื่องที่ต้องหารือกับทางรัฐบาลด้วย เพราะจะมีการปรับรถยนต์ให้เป็นมาตรฐานยูโร 5 ตามกำหนดการคือต้นปีหน้า รวมทั้งมาตรฐานน้ำมันที่เป็นยูโร 5 เช่นกัน ทั้งนี้ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้ผลักดันให้เป็นไปตามแผนเดิม ขณะเดียวกันในส่วนของ กทม. ก็ต้องร่วมมือกับตำรวจและกรมการขนส่งทางบก ในการตรวจควันดำให้มากขึ้น ไม่เน้นตรวจบนถนน แต่เน้นตรวจที่ต้นทาง/จุดหมายปลายทาง เช่น แพล้นปูน ไซส์ก่อสร้าง ให้มากขึ้น

ส่วนเรื่องการเผาชีวมวล เป็นประเด็นที่ต้องร่วมมือกับทางรัฐบาลในแง่ของการลดชีวมวลทั้งข้าวและอ้อย ในส่วนของต่างประเทศต้องมีการให้หารือกับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กัมพูชา ลาว และเมียนมา

ด้าน กทม. ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2567 ในการจัดซื้อเครื่องอัดฟางเพิ่มเติม 3 ชุดรวมรถแทรกเตอร์ เพื่อช่วยเกษตรกรอัดฟางไปขายได้โดยที่ไม่ต้องเผา ซึ่งเป็นสิ่งที่นายกสมาคมชาวนาหนองจอกขอร้องมา

นายชัชชาติ กล่าวถึงสถานการณ์ปีนี้จะทวีความรุนแรงหรือดีขึ้นเพราะมีปรากฏการณ์เอลนีโญ ก็มี 2 แนวคิดว่าเอลนีโญจะทำให้ฝุ่นไม่เยอะ อากาศโปร่ง ส่วนอีกแนวคิดหนึ่งคือ เมื่อแล้งจะเกิดการเผาชีวมวลมาก แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาคือจะมีฝุ่นเยอะ ฉะนั้นจึงต้องเตรียมรับมือให้พร้อม

ส่วนของการดูแลกลุ่มเปราะบางของโรงเรียน ได้มีการซื้อและติดเครื่องฟอกอากาศในกลุ่มเด็กเล็ก ซึ่งเป็นคนละโครงการกับการติดแอร์ในห้องเรียน โดยในศูนย์เด็กเล็กเราติดตั้งเครื่องฟอกอากาศแล้ว ตอนนี้จะติดตั้งเพิ่มในโรงเรียน โดยเริ่มที่ชั้นเด็กเล็ก คือ อนุบาล สำหรับกลุ่มเด็กโต จะเป็นการเตรียมหน้ากาก จำกัดการเข้าพื้นที่ รวมถึงการแจ้งเตือนภัย เหล่านี้ก็เป็นสิ่งที่ได้ดำเนินการตามแผนที่วางไว้

สำหรับมาตรการแผนแม่บทต้องมีการหารือกับนายกรัฐมนตรี เพราะถือเป็นเรื่องที่สำคัญ หากทุกส่วนช่วยกันน่าจะได้ผลดีขึ้น ส่วนเรื่องห้องเรียนปลอดฝุ่นจะเริ่มที่การหาภาคเอกชนมาทำ CSR เพื่อทดสอบก่อน

ข่าวอื่นๆ

เช็กลิสต์! แผนสกัดฝุ่น PM 2.5 ใครเตะถ่วง

เช็ก 88 อุทยานฯ-เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ประกาศปิด-คุมพื้นที่ไฟป่า

หมอโพสต์ "นกตะขาบดง" โดนฝุ่นจิ๋วร่วง-พบปอดอักเสบรุนแรง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง