เผอิญว่าภารกิจแรกระดับโลกหนนี้ อาจมีคำถามและประเด็นค้างคาใจผู้คนส่วนหนึ่ง ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มเดินทาง ตั้งแต่เรื่องเช่าเหมาลำการบินไทย 30 ล้านบาท ที่ควรต้องอธิบายที่มาที่ไปตั้งแต่แรก ไม่ใช่อ้างว่าโฆษกและรองเลขาธิการนายกฯได้ชี้แจงไปแล้ว ซึ่งความจริง เป็นเฉพาะเรื่องการบินไทย แต่ไม่ได้ตอบข้อสงสัยว่า ได้มีการติดต่อสอบถามการเช่าเหมาลำจากสายการบินอื่นหรือไม่
รวมทั้งกองทัพอากาศ ที่มีเครื่องบิน Air Force 1 ซึ่งเป็นเครื่องบินประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี มีปัญหาอะไร เรื่องการซ่อมแซมบำรุงรักษาหรือไม่ เป็นความผิดพลาดบกพร่องของใคร ยังไม่นับเรื่องอัตราค่าบริการต่าง ๆ ในวงเงิน 30 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่ มาแจกแจงในภายหลัง หลังจากมีข้อสงสัยเกิดขึ้นแล้ว
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
เช่นเดียวกับรายชื่อ 50 คนร่วมคณะ ที่อาจถูกตั้งสงสัยจากผู้คนบางส่วนให้เปิดเผยรายชื่อว่าเป็นใครบ้าง หากไม่มีอะไรผิดปกติหรือต้องการเปิดเผย เพื่อความความโปร่งใสจริง แต่ก็ไม่มีเสียงขานรับ
กระทั่งมีรายชื่อลูกสาวของนายกรัฐมนตรี น.ส.ชนัญดา ทวีสิน และเพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเรียนของ “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร คือ คณาพจน์ โจมฤทธิ์ ที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความว่า การจะอ้างเป็นเลขาฯ ติดตามนายกรัฐมนตรี ทำไม่ได้ เพราะไม่ได้มีการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งข้าราชการการเมือง อีกทั้งไม่สามารถมีตำแหน่งข้าราชการการเมืองได้ เพราะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี กรณีเป็นกรรมการบริหารพรรคไทยรักษาชาติ
ทั้งที่รู้ว่า ยุคสมัยข้อมูลข่าวสารปัจจุบัน ไม่มีอะไรเป็นความลับ จะดีที่สุดถ้าเปิดเผยแจกแจงตั้งแต่แรก หาไม่แล้วอาจต้องโดนขุดคุ้ยในภายหลังได้ แต่ที่เป็นอยู่คือปล่อยให้โดนวิพากษ์วิจารณ์ก่อน แล้วค่อยแจกแจงทีหลัง ทำให้ข้ออ้างออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมดนั้น ส่วนหนึ่งอาจไม่มีใครเชื่อ เพราะเป็นเรื่องเช่าเหมาลำ ไม่ได้แยกซื้อตั๋วจองที่นั่ง อย่างที่นักวิชาการบางคนวิพากษ์ไว้
นอกจากนี้ การภารกิจสำคัญของนายเศรษฐา เกิดขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังของผู้คนที่มีต่อรัฐบาลชุดนี้สูงมาก การสร้างความกระจ่างและความโปร่งใส จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ต้องไม่ลืมว่า รัฐบาลจากพรรคไทยรักไทยก็ดี และต่อถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็ดี เคยถูกรัฐประหารถึง 2 ครั้ง 2 ครา โดยมีหนึ่งในข้ออ้างคือการทุจริตคอร์รัปชั่น ทั้งบทเรียนและบาดแผลจากโครงการต่าง ๆ ที่เคยทำไว้ ยังอยู่ในความจดจำของผู้คน เช่น โครงการรับจำนำข้าวที่เป็นมหากาพย์ มีภาค 2 ต่อ และก่อเกิดความเสียหายแก่ประเทศหลายแสนล้านบาท
อีกประการหนึ่งคือ ภารกิจการพบปะกับผู้บริหารธุรกิจยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่โฆษกรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ เพิ่งจะเอ่ยถึงระหว่างคณะเดินทางไปถึงสหรัฐฯ แล้ว ทั้งที่ความจริง ควรแจกแจงเบื้องต้นระดับหนึ่งด้วยว่า แต่ละกลุ่มมีธุรกิจประเภทเหมาะสมกับการเข้ามาลงทุนในไทยในขณะนี้ รวมทั้งโอกาสและความเป็นไปได้ เงื่อนไขหรือแรงดึงดูดใจของรัฐบาลไทย
นอกจากการชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาแล้ว การสื่อสารผ่านสื่อไปยังประชาชนของทีมงานรัฐบาล ควรต้องไม่ออกในทางดูแคลนคนอื่น เพราะขณะที่ยกย่องนายเศรษฐา ว่ามีวิสัยทัศน์ก้าวหน้า แต่คนที่วิจารณ์หรือตั้งคำถาม กลับถูกด้อยค่าว่าไม่มีวิสัยทัศน์ทางธุรกิจ
เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และไม่ควรทำอย่างยิ่งในตอนนี้
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา