ชิง ผบ.ตร.คนใหม่ระอุ ค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” มีปมเงื่อน

อาชญากรรม
26 ก.ย. 66
12:48
665
Logo Thai PBS
ชิง ผบ.ตร.คนใหม่ระอุ ค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” มีปมเงื่อน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
การปิดห้องคุยกันถึง 2 ชั่วโมง ระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ กับ พล.ต.อ.ดำรงค์ศักดิ์ กิตติประภัสสร์ ผบ.ตร.ที่จะเกษียณอายุราชการในสิ้นเดือนนี้ ที่บ้านพิษณุโลก แม้นายกฯ จะอ้างว่า เป็นการพูดคุยเรื่องความมั่นคง

ไม่เกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ที่จะเข้าที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร.ในวันพรุ่งนี้ (27 ก.ย.) คงไม่มีใครเชื่อ

นอกจากนี้ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เป็นคนเปิดเผยกับสื่อเองว่า ผบ.ตร.ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเย็นเพื่อส่งข้อมูลการประชุม ก.ตร. ที่จะมีวาระแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่รวมอยู่ด้วย รวมทั้งรายงานเบื้องต้น กรณีตำรวจนำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร.คนดัง ในซอยวิภาวดี 60 ให้นายกฯ รับทราบ

ถือเป็นเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าประชุม ก.ตร.เพียง 2 วัน เพราะ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นรองผบ.ตร. ที่อาวุโสเป็นอันดับ 2 ขณะที่ในบทวิเคราะห์ของสื่อหลายสำนักระบุตรงกันว่า เขาเป็น 1 ใน 4 นายพล ที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.คนใหม่

ถึงแม้ “บิ๊กโจ๊ก” จะอ้างกับสื่อว่า ตนไม่ใช่แคนดิเดต ผบ.ตร.ก็ตาม อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นแคทดิเดต หรือไม่เป็นในปีนี้ แต่ในปีต่อไป ก็ต้องเป็นหนึ่งในแคนดิเดทอยู่ดี เนื่องจากจะเกษียณอายุราชการในปี 2574

หากประคับประคองตัวเอง ไม่สะดุดขาตัวเอง หรือทำอะไรไม่ถูกไม่ควร ถึงอย่างไร ก็น่าจะได้เป็น ผบ.ตร.อยู่ดี ไม่ปีใดก็ปีหนึ่ง ยิ่งเมื่อดูจากบทบาทและผลงานในช่วงที่ผ่านๆ มา ยิ่งไม่น่าพลาด

การถูกตำรวจไซเบอร์และคอมมานโด พร้อมอาวุธครบมือ เข้าตรวจค้นบ้านพักหลายหลังของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า จะมีผลต่อก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางตำรวจอย่างไร รวมทั้งเรื่องแคทดิเดต ผบ.ตร. ไม่ว่าฝ่ายการเมืองหรือนายตำรวจระดับสูง จะประสานเสียงพูดย้ำว่า ไม่เกี่ยวกับการตรวจค้นบ้านพักดังกล่าวก็ตาม

โดยข้ออ้างว่า เป็นการตรวจค้นถูกต้องตามกฎหมาย หลังพบมีเส้นทางการเงินเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ มีนายตำรวจที่เกี่ยวข้องมีทั้งยศ พล.ต.ต. และ พ.ต.อ.ซึ่งเป็นชุดทำงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ รวมอยู่ด้วยร่วมสิบคน

หลังการกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้งของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ปรากฎข่าวคราวเพิ่มดีกรีที่โดดเด่นอยู่แล้ว ให้เพิ่มพูนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกลุ่มทุนจีนสีเทา เรื่องแอม ไซยาไนท์ ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นฆาตกรรมต่อเนื่องอย่างน้อย 14 คดี รวมทั้งคดีเหตุการณ์ที่กำนันนก นายประวีณ จันทร์คล้าย คนดังแห่ง จ.นครปฐม ที่สั่นสะเทือนวงการตำรวจหลายหน่วยงาน

สไตล์ของ “บิ๊กโจ๊ก” คือเป็นขาลุย ลงพื้นที่เกาะติดไม่ปล่อย ทีมงานพร้อมทั้งหน้างานและทีมซัพพอร์ตทำงานอยู่เบื้องหลัง มีประสานแจ้งข่าวกับสื่ออย่างไม่ขาดตกบกพร่อง สื่อส่วนใหญ่จึงชื่นชอบ เพราะกล้าพูดเรื่องความคืบหน้าคดี เป็นที่ถูกใจนักข่าว แต่ไม่ถูกใจตำรวจ ที่มักชอบเก็บเป็นความลับ ไม่ยอมแพร่งพราย เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม จะอ้างว่าจะกระทบต่อรูปคดี

เหตุการณ์นี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตั้งข้อสังเกตว่า หมายศาลค้นบ้านเป็นเหมือนการหลอกศาล ระบุแค่เลขที่บ้าน ไม่มีระบุชื่อตน เท่ากับขอหมายศาลโดยไม่สุจริต และระบุว่า เป็นเรื่องการเมืองในแวดวงตำรวจ

ความจริงไม่ใช่จะมีเฉพาะการเมืองภายในวงการตำรวจ แต่ยังเกี่ยวโยงถึงการเมืองระดับชาติด้วย เพราะตำรวจและ ผบ.ตร.จะเป็นมือไม้สำคัญในการทำงานของรัฐบาล และยังเป็นกลไกในการรับมือกับฝ่ายตรงข้าม ที่หวังก่อหวอด ดิสเครดิตทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายตรงข้าม

จึงเป็นที่มุ่งหวังของคนระดับบิ๊กในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และฝ่ายการเมืองอย่างปฏิเสธไม่ได้

วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง