ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รวบ “ใบเฟิร์น” เน็ตไอดอล หลอกลงทุนร้านตัดผม-ทำเล็บ เสียหาย 10 ล้าน

อาชญากรรม
9 พ.ย. 66
11:08
2,182
Logo Thai PBS
รวบ “ใบเฟิร์น” เน็ตไอดอล หลอกลงทุนร้านตัดผม-ทำเล็บ เสียหาย 10 ล้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจจับกุม "ใบเฟิร์น" เน็ตไอดอล สร้างโปรไฟล์หรู-รู้จักคนดัง หลอกลงทุนร้านตัดผม-ทำเล็บ ผู้เสียหาย 40 คน สูญเงินรวม 10 ล้านบาท ส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันกำแพง เชียงใหม่ ดำเนินคดี

วันที่ 8 พ.ย.2566 กองบัญชาการสืบสวนสอบสวน บช.น. และตำรวจชุด PCT5 จับกุม น.ส.มณฑิรา หรือใบเฟิร์น เน็ตไอดอล หลังหลอกลวงให้ลงทุนร้านตัดผมและร้านทำเล็บ โดยมีผู้เสียหายหลงเชื่อ ร่วมลงทุนไม่ต่ำกว่า 40 คน ความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเข้าจับกุมขณะเดินกับหนุ่มชาวต่างชาติ ในห้างสรรพสินค้า แขวงจอมพล เขตจตุจักร หลังจับกุมตัวได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ในชั้นจับกุม น.ส.มณฑิรา ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าตนเองจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยภาคเหนือ เปิดร้านทำเล็บอยู่ จ.เชียงใหม่ ล่าสุดเข้ากรุงเทพฯ ได้ 3 สัปดาห์ แต่ไม่ได้เป็นการหลบหนี โดยระบุว่า เปิดร้านทำผมและทำเล็บอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ เพราะเห็นว่ารายได้ดี จึงได้เชิญคนมาร่วมลงทุนกัน โดยร่วมลงทุนรายละ 50,000-1,000,000 บาท และเปิดรับลงทุนร่วมรับจำนำของ จากนั้นนำไปขายเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน

น.ส.มณฑิรา ยังระบุว่า ช่วงหลังได้กำไรน้อยมาก และขายสินค้าได้น้อย ส่วนร้านทำผมก็หาช่างไม่ได้ และลูกค้าน้อย ทำให้ไม่มีเงินจ่ายให้กับผู้ร่วมลงทุน

สำหรับผู้ก่อเหตุคนดังกล่าวเป็นหญิงรูปร่างหน้าตาดี เคยออกรายการทีวีต่าง ๆ รวมถึงถ่ายแบบ สร้างโปรไฟล์และสร้างความน่าเชื่อถือด้วยการถ่ายรูปกับดาราและผู้มีชื่อเสียงหลายคน รวมถึงโพสต์ภาพคู่รถหรู โดยมีมีผู้ติดตามในโซเชียล 120,000 คน

กระทั่งช่วงต้นปี 2566 ได้เริ่มโพสต์เชิญชวนให้ร่วมลงทุนเป็นหุ้นส่วนการทำร้านตัดผมและทำเล็บ โดยเสนอเป็นแพ็กเกจต่าง ๆ ยอดปันผลขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ลงทุน และเมื่อถึงกำหนดก็จะได้เงินปันผล เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อและตัดสินใจโอนเงินไปร่วมลงทุน ก็ไม่ค่อยตอบข้อความ อ้างว่างานเยอะ ติดงานต่าง ๆ ส่วนสัญญาที่พิมพ์มาให้เซ็นก็ผิด ๆ ถูก ๆ หลายครั้ง เมื่อถึงกำหนดจ่ายเงินปันผลก็จะบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงิน

ต่อมาช่วงปลายเดือน มิ.ย.2566 เธออ้างกับผู้เสียหายว่า บริษัทถูกยักยอกเงิน ทำให้ไม่มีเงินมาคืนให้กับผู้ร่วมลงทุน และหนีหายไป กระทั่งผู้เสียหายที่ร่วมลงทุนทยอยเข้าแจ้งความ กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ จำนวน 2 หมายจับ ล่าสุดผู้เสียหายให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่าเจ้าตัวหลบหนีมากบดานในกรุงเทพฯ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง