นายกฯ คุยพรรคร่วมกำชับถกงบ 67 มอบ "ภูมิธรรม" นั่ง ปธ.กมธ.

การเมือง
28 ธ.ค. 66
15:33
371
Logo Thai PBS
นายกฯ คุยพรรคร่วมกำชับถกงบ 67 มอบ "ภูมิธรรม" นั่ง ปธ.กมธ.
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ภูมิธรรม" เผย นายกฯ เรียกพรรคร่วมรัฐบาลหารือเตรียมอภิปรายงบฯ 67 ยัน โควตาพรรคร่วมไร้ปัญหาหลังสะพัด ครม.กดไมค์ประท้วงเหตุมีแต่ชื่อคนเพื่อไทย พร้อมระบุ "สมศักดิ์" พ้นยุติธรรมไม่เกี่ยวปม "ทักษิณ" ขณะที่ "อนุทิน" ลั่นไม่มีปมร้อนอะไรที่จะทำให้รัฐบาลมีปัญหา

วันนี้ (28 ธ.ค.2566) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง​ เชิญรัฐมนตรีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ร่วมรับประทานอาหารกลางวันเพื่อหารือเตรียมความพร้อมอภิปรายร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี2567 ซึ่งใช้เวลาการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง โดยรัฐมนตรีที่เข้าร่วมวงรับประทานอาหารประกอบด้วยนายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ , นายอนุทิน ชาญวีรกูล​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน , นายวราวุธ​ ศิลปอาชา​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ , นายจุลพันธ์​ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง​ , นางมนพร​ เจริญศรี​ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง , นายเทวัญ​ ลิปตพัลลภ​ แกนนำพรรคชาติพัฒนากล้า , นายไผ่​ ลิกค์​ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ นายสรวงศ์​ เทียนทอง​ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย และนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ

ภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์

ภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์

ภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์

โดยนายภูมิธรรม ระบุว่า การหารือในวันนี้นายกรัฐมนตรีขอให้รัฐมนตรีพักผ่อนในช่วงปีใหม่ให้เต็มที่ ปีหน้าจะได้มาทำงานกันอย่างหนักหน่วง อย่างที่นายกรัฐมนตรีบอกทำงานไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ซึ่งในช่วงต้นปีจะมีเรื่องของงบประมาณปี 2567

ส่วนสัดส่วนโควตาพรรคร่วมรัฐบาลในกรรมาธิการงบประมาณซึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งที่ผ่านมามีการรายงานว่าที่ประชุมพรรคร่วมรัฐบาลมีการกดไมค์ประท้วง เนื่องจากมีการเสนอชื่อกรรมาธิการสามัญแต่ของพรรคเพื่อไทย นายภูมิธรรม ยืนยันว่า ไม่มี หากดูจากหลักฐานที่เป็นจริงในวันนี้และรายละเอียด นายกรัฐมนตรีบอกให้ไปคุยกันในวิป ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งขณะนี้สำนักงบประมาณมีการเสนอจำนวน 64 คน ซึ่งรัฐบาลเสนอขอให้มี 72 คนตามที่เคยทำ โดยธรรมเนียมปฏิบัติเดิมซึ่งเดี๋ยวจะต้องไปคุยกัน

โดยนายภูมิธรรม ยังระบุอีกว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณ โดยได้มีการมอบหมายในที่ประชุม ครม.วันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีภารกิจอีกหลายอย่าง และตนสามารถประสานนายกรัฐมนตรีรวมไปถึงพรรคร่วมรัฐบาลได้อยู่แล้ว พร้อมกับระบุว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร

ส่วนประเมินสถานการณ์การเมืองในปีหน้าว่าจะมีอะไรทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ครบเทอมทั้งกระแสของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และดิจิทัลวอลเล็ต นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนไม่ได้ประเมินข้างหน้าจะมีปัญหาอะไร เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ และเป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา

ซึ่งเรื่องของนายทักษิณเป็นไปตามกฎหมายกฎระเบียบ ในปี 2560 และออกมาไม่ได้คิดว่าจะช่วยใคร แต่เป็นไปตามหลักสากลรวมไปถึงมีปัญหาเรื่องคุกล้น โดยตามหลักสิทธิมนุษยชน และส่วนที่สำคัญคือควรจะให้ได้รับการปรับตัวก่อนที่จะออกมา พร้อมกับระบุว่าเรื่องนี้ มีการจุดประเด็นให้เป็นดรามาขึ้นมาในสังคมเท่านั้น แต่หากดูเรื่องหลักยุติธรรมและความเป็นจริงก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร

นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า การอภิปรายงบที่จะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ต้องมาดูวิธีคิดของพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะจัดงบกันแบบไหน ซึ่งในวันที่เปิดการอภิปรายงบประมาณนายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ชี้แจงในรายละเอียด พร้อมขอให้ผู้ร่วมอภิปรายฟังนายกรัฐมนตรี เพื่อประชาชนจะได้เข้าใจ หากทุกอย่างเป็นไปตามกรอบก็ไม่น่ามีปัญหาอะไร พร้อมขออย่าใช้วิธีเอางบประมาณเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ขอให้เอาเรื่องการรักษาผลประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก

ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 หรือ 152 ก็ถือเป็นสิทธิ์อยู่แล้ว แต่อาจจะลำบากเนื่องจากเพิ่งเริ่มต้นทำงาน และงบประมาณในการทำงานก็ยังไม่มี เป็นเพียงการเตรียมพื้นฐานรองรับ ตนเชื่อว่าสามารถชี้แจงได้ และประชาชนเองก็เห็นได้อยู่แล้ว ว่าการทำงานที่ทำอยู่นี้ไม่มีงบประมาณ กว่าจะได้เดือนพฤษภาคม เราก็ทำผลงานออกมาได้มากมาย พร้อมกับระบุว่า เรื่องเกี่ยวกับการเมืองในขณะนี้ ไม่น่ามีปัญหาอะไรให้น่าเป็นห่วง เพียงแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลนี้ และรัฐมนตรีทุกคนคงต้องทำงานเหนื่อยมาก แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเป็นงานที่เราต้องทำ

ขณะเดียวกันนายภูมิธรรม ยังชี้แจงถึงกรณีการแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีใหม่ โดย กระทรวงยุติธรรมไม่ได้อยู่ภายใต้กำกับดูแลของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ว่า ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการวิพากษ์วิจารณ์คดีนายทักษิณ อย่างที่ทุกคนทราบดีอยู่ฉายาของตนคือ "รองกอง" งานมากองอยู่ที่ตนจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีการจัดสรรใหม่

ซึ่งตนได้กำกับดูแลกระทรวงพาณิชย์, กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงดีอี เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกัน โดยนำกระทรวงสาธารณสุขที่ตนกำกับดูแล และตนมองว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับ 3 กระทรวงที่ตนดู แบ่งให้รองสมศักดิ์ ทำให้งานล้นมือ จึงต้องส่ง ให้นายกรัฐมนตรีมอบรองนายกรัฐมนตรีท่านอื่นๆ ดูแล ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีทุกคนมีความสามารถหมด ไม่มีปัญหาอะไร

อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย

อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย

อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย

"อนุทิน" เผย นายกฯ กำชับอภิปรายงบ 67 ให้ทุกพรรคเตรียมสูงสุด 

นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เปิดเผยภายหลังรับประทานอาหารกลางวันและหารือกับนายกรัฐมนตรีว่า นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกพรรคเตรียมความพร้อมสูงสุด และต้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน

เมื่อถามถึงการประชุม ครม. เมื่อวันอังคารที่ผ่านมามีกระแสข่าว ว่ามีการกดไมค์ถามเรื่องสัดส่วนกรรมาธิการวิสามัญร่างงบประมาณปี 67 ในสัดส่วนของ ครม. ที่มีการเสนอเพียงสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยเท่านั้น นายอนุทินกล่าวว่าเป็นเพียงการถามให้เคลียร์ เนื่องจากผู้เสนอเป็นฝั่ง ครม.พรรคเพื่อไทย จึงอยากรู้ว่าในฝั่งของพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เหลืออีกเท่าไหร่ เพื่อจะได้ไปเตรียมจัดบุคลากรที่เหมาะสม ไม่ได้มีปัญหาอะไร และไม่มีอะไร

นอกจากนี้ ขณะที่นายกรัฐมนตรีเองก็มองว่าควรที่จะมีการจัดสัดส่วนให้เหมาะสม ซึ่งรายชื่อของคณะกรรมาธิการทั้ง 18 คนในสัดส่วนของคณะกรรมาธิการก็น่าจะแล้วเสร็จก่อนการอภิปรายงบประมาณวันสุดท้าย

เมื่อถามถึงการประเมินสถานการณ์การเมืองในปีหน้า ว่ามีปัจจัยอะไรที่จะทำให้นายกฯ หรือรัฐบาลอยู่มั้ยครบวาระหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า หากดูจากการรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกันวันนี้ ถือว่าดูดีมาก เข้าใจกันเข้าใจกันทุกฝ่าย เต็มไปด้วยความร่วมมือซึ่งกันและกัน ไม่มีปมร้อนที่จะทำให้รัฐบาลมีปัญหา

เมื่อถามถึงการทำหน้าที่ร่วมกันในรัฐบาลในช่วงสามเดือนที่ผ่านมามีอะไรไม่พอใจหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “ก็มีเยอะอยู่ และจะพยายามแก้ปัญหา”

อ่านข่าวอื่นๆ :

"เศรษฐา" ไม่ปฏิเสธนายกฯ รวยที่สุด รถหรู 50 ล้าน อยู่ต่างประเทศ

เปิดกรุ "เศรษฐา" รวย 1,020 ล้าน นาฬิกา 38 เรือน - "ปานปรีย์" มี 161.7 ล้าน

โทษ “ยิ่งลักษณ์” เบากว่า “ทักษิณ” เดินตามรอยพี่ชายเพื่อพักโทษ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง