ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"เศรษฐา" สั่งดูแลสวัสดิการแรงงานตายในไต้หวัน 2 ศพ

สังคม
25 มี.ค. 67
12:30
293
Logo Thai PBS
"เศรษฐา" สั่งดูแลสวัสดิการแรงงานตายในไต้หวัน 2 ศพ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"เศรษฐา" สั่งดูแลแรงงานไทยตาย 2 เจ็บสาหัส 1 จากเหตุการณ์โรงงานอะลูมิเนียมระเบิดในไต้หวัน เช็กเกณฑ์เงินเยียวยาเสียชีวิต แรงงานไทยเสียชีวิตรายละ 40,000 บาท พร้อมประสานช่วยกลับรักษาในไทย

วันนี้ (25 มี.ค.2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าเหตุการณ์ระเบิดของโรงงานผลิตแท่งอะลูมิเนียมที่เขตหูเน่ย เมืองเกาสง ไต้หวัน เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีแรงงานได้รับบาดเจ็บ 6 คน

โดยเบื้องต้น กระทรวงสาธารณสุขได้รับรายงานว่า ในจำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น เป็นแรงงานคนไทย 3 คนโดย 2 คนเสียชีวิตแล้ว เป็นชายอายุ 37 ปี ภูมิลำเนา จ.มหาสารคาม และชายอายุ 46 ปี ภูมิลำเนา จ.ชัยภูมิ ส่วนอีก 1 คน อาการสาหัส เป็นชายอายุ 31 ปี ภูมิลำเนา กทม.แพทย์ในพื้นที่ได้ทำการผ่าตัดช่วยชีวิต ขณะนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว

อ่านข่าว แรงงานไทยเสียชีวิต 2 เจ็บ 1 คน เหตุโรงงานระเบิดในไต้หวัน

เปิดเกณฑ์เยียวยาแรงงานไทยตายเหตุโรงงานระเบิด 

ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงาน ได้ประสานงานให้การดูแลในเรื่องสิทธิประโยชน์ของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตแล้ว โดยได้สั่งการให้อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) สำนักงานแรงงาน ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2) สาขาเมืองเกาสง ตรวจสอบข้อมูลของแรงงานไทยที่บาดเจ็บ เสียชีวิต เยี่ยมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บ

พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การช่วยเหลือสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมาย และประสานงานกับบริษัทจัดหางานเพื่อแจ้งถึงสิทธิประโยชน์แก่ญาติของแรงงานที่เสียชีวิตให้ทราบต่อไป

โดยแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ มีสิทธิได้รับสิทธิประโยชน์เยียวยาจากกองทุน กรณีประสบปัญหาต้องเดินทางกลับประเทศไทย รายละ 15,000 บาท กรณีบาดเจ็บมีการรับรองจากแพทย์ว่าทุพพลภาพ จะได้รับการสงเคราะห์ เป็นจำนวน 30,000 บาท และกรณีเสียชีวิตในต่างประเทศ จะสงเคราะห์จำนวน 40,000 บาท และค่าใช้จ่ายในการจัดการศพในต่างประเทศเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาท

นายชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้กองสาธารณสุขฉุกเฉิน ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเตรียมการหากต้องมีการให้ความช่วยเหลือทางการแพทย์ หรือการประสานส่งตัวกลับมารักษาต่อในประเทศไทย

รวมถึงมอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจัดทีมช่วยเหลือเยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต (MCATT) ติดตามประเมินเยียวยาจิตใจครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความช่วยเหลือ ด้านการรักษาเยียวยาร่างกาย และจิตใจ รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่พึงได้รับตามกฎหมาย สร้างความมั่นใจให้แรงงานไทย และครอบครัวว่าจะได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างเหมาะสม

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง