วันนี้ (14 มิ.ย.2567) ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเวทีการประชุม Forum สุขภาพคนไทย 2567 ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า รายงานสุขภาพคนไทยเป็นรายงานประจำปีรวบรวมบทวิเคราะห์ประเด็นสำคัญด้านสุขภาพที่ทันต่อเหตุการณ์ของแต่ละปี เกี่ยวข้องกับสุขภาพของคนไทยที่กำลังเกิดขึ้น หรือมีแนวโน้มเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ
ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภกา รักษาการ ผอ.สำนักวิชาการและนวัตกรรม สสส. กล่าวว่า รายงานสุขภาพคนไทยมีการนำเสนอในช่องทางที่หลากหลายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ สามารถเข้าถึงได้ง่ายในยุคดิจิทัล สร้างความรับรู้และตระหนักไปในวงกว้างต่อประเด็นที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพคนไทย
รศ.ดร.เฉลิมพล แจ่มจันทร์ ผอ.สถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล และ หัวหน้าโครงการจัดทำรายงานสุขภาพคนไทย ปี 2567 กล่าวว่า ในปี 2567 นำเสนอสถิติในประเด็น "เทคโนโลยีดิจิทัลกับสุขภาพคนไทย" จาก 11 ตัวชี้วัด สะท้อนว่าเทคโนโลยีถูกนำมาใช้ในทุกมิติของการดำเนินชีวิต พบว่าพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับวิถีชีวิตคนไทยทุกกลุ่มวัยอย่างมาก
- ด้านสุขภาพของประชาชน
- ด้านผู้ให้บริการ
- ด้านระบบสาธารณสุข
- ด้านบริการข้อมูลสุขภาพ
- ด้านคุณภาพความเป็นอยู่
- ด้านการทำงานในรูปแบบ Work From Home
- ด้านการศึกษาที่ควรส่งเสริมการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทุกภูมิภาค
- ด้านสื่อสังคมออนไลน์ ที่ควรจับตาพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของเยาวชนอายุ 6-24 ปี ที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์มากที่สุด และทุกกลุ่มวัยที่ใช้สื่อสังคมออนไลน์เกือบทุกวัน เฉลี่ยใช้อินเทอร์เน็ต 7 ชั่วโมง 4 นาทีต่อวัน
- ด้านวิถีชีวิต
- ด้านการตลาดดิจิทัลที่กลุ่มเด็กและเยาวชนพบเห็นโฆษณาชักชวนให้เล่นพนันออนไลน์
- ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างเสริมสุขภาพ
10 สถานการณ์เด่นทางสุขภาพปี 2567 ได้แก่
- การกราดยิงกับแนวทางการควบคุมอาวุธปืน
- ปัญหาแพทย์ลาออก ควรดำเนินการอย่างไร
- สองทศวรรษของบัตรทอง : การขยายสิทธิประโยชน์แบบจัดหนักจัดเต็ม
- การพนันออนไลน์ กับดักเยาวชนและคนหนุ่มสาว
- เกิดแล้วเกิดอีก อุบัติเหตุจากโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่
- มาเฟียข้ามชาติกับการแก้ไขปัญหา
- แรงงานไทยในตะวันออกกลาง ทางสองแพร่งระหว่างความมั่งคั่งกับความมั่นคงในชีวิต
- มลพิษทางอากาศคร่าชีวิตคนไทย 30,000 คน/ปี ถึงเวลาทวงสิทธิอากาศสะอาด
- การถ่ายโอน รพ.สต. ไป อบจ. ความเป็นมา ปัญหาความท้าทาย
- ธรรมนูญสุขภาพฉบับที่ 3 มุ่งสู่ระบบสุขภาพที่เป็นธรรม
2565 คนไทยเครียดสูงขึ้น-ซึมเศร้าเพิ่มขึ้น-เสี่ยงฆ่าตัวตาย
รศ.ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร สถาบันวิจัยประชากรและสังคม ม.มหิดล กล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ระบุว่า
- คนไทยเป็นโรคซึมเศร้าและฆ่าตัวตายจากปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น จากปี 2563 มีจำนวน 355,537 คน เพิ่มเป็น 358,267 คน ในปี 2564 (เพิ่มขึ้น 2,730 คน)
- อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จในปี 2563 อยู่ที่ 5-6 ต่อประชากรแสนคน เพิ่มเป็น 7.4 ต่อประชากรแสนคนในปี 2564
- กลุ่มอายุที่ฆ่าตัวตายมากที่สุดคือ 15-34 ปี
ขณะที่ข้อมูลกรมสุขภาพจิตเมื่อเดือนมีนาคม 2565 พบว่า ประชาชนมีความเครียดสูงขึ้น 2.1 เท่า โรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้น 4.8 เท่า เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายถึง 5.9 เท่า โดยส่วนใหญ่คนมุ่งดับอารมณ์แห่งความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ไม่ได้มุ่งค้นหาสาเหตุหรือทางแก้เหตุ เช่น การใช้ความรุนแรง การเบี่ยงเบนความสนใจของตนเอง ที่อาจนำไปสู่ผลกระทบสุขภาพ อย่างการติดบุหรี่ เหล้า หรือใช้สารเสพติด
รศ.ดร.ภูเบศร์ กล่าวว่า คนแต่ละช่วงวัยมีต้นเหตุความเครียดแตกต่างกันไป แต่โดยทั่วไปจะไม่แตกต่างมากนัก ซึ่งมาจากการเปลี่ยนแปลงและความบีบคั้นทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ทำให้คนดิ้นรน เปรียบเทียบ แก่งแย่ง ช่วงชิง และเบียดเบียนกันมากขึ้น เป็นสิ่งเร้าภายนอกที่สุมให้อุณหภูมิความเครียดภายในสะสมสูงขึ้น จนกลายเป็นภาวะเรื้อรังของสังคมในศตวรรษที่ 21 ทั้งที่โลกเจริญด้วยเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่ทำให้ทุกอย่างสะดวกสบาย
- วัยเด็กเป็นเรื่องการเรียน ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ และการคบเพื่อน
- วัยทำงานเป็นเรื่องสร้างฐานะ สร้างครอบครัว และดูแลคนในครอบครัว โดยพบปัญหาเสี่ยงหมดไฟร้อยละ 57 หมดไฟแล้วร้อยละ 12
- วัยสูงอายุเป็นเรื่องสุขภาพ การเงิน และความโดดเดี่ยว
ทั้งนี้ รศ.ดร.ภูเบศน์ ยังกล่าวถึงการฟื้นสภาพด้านจิตใจ (Resilience) เป็นทักษะสำคัญที่ทุกคนต้องได้รับการฝึกฝน การพัฒนาจิตวิทยาเชิงบวก เพื่อสร้างความมั่นใจในการแก้ไขและควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น การมีมุมมองในทางสร้างสรรค์ หรือชี้ให้เห็นถึงด้านดีของการมีความเครียดในระดับที่เหมาะสม จะทำให้คนพยายามแก้ปัญหา รวมถึงควรมีการปลูกฝังกรอบแนวคิดแบบเติบโต (Growth mindset) เพื่อรับมือกับความเครียดที่จะมาในรูปแบบและระดับต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านข่าวอื่น :
“กัญจนา” เยี่ยมแม่น้องการ์ตูน ชง ยต.ฟ้องล้มละลาย "คนเมาชน"