"บิ๊กโจ๊ก" ลั่นแค่วาทกรรมนายกฯ บอกจะให้ความเป็นธรรม

การเมือง
27 มิ.ย. 67
12:31
5,505
Logo Thai PBS
"บิ๊กโจ๊ก" ลั่นแค่วาทกรรมนายกฯ บอกจะให้ความเป็นธรรม
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล" ชี้ ก.ตร.ไม่มีอำนาจพิจารณาคำสั่งออกราชการไว้ก่อนถูกต้อง ต้องรอการวินิจฉัย ก.พ.ค.ตร. พร้อมยืนยันดำเนินคดีทุกคนที่เกี่ยวข้อง ลั่นแค่วาทกรรม "นายกฯ" บอกจะให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

วันนี้ (27 มิ.ย.2567) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลัง ก.ตร.ประชุมเมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) และมีมติ 12 ต่อ 0 เห็นว่าคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนและคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ชอบด้วยกฎหมาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวไม่ได้ผิดความคาดหมาย เพราะตนรู้วิธีการของตำรวจ ซึ่งเมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) เลขานุการ ก.ตร.ได้ชี้แจงผลประชุม แต่ไม่ได้ระบุว่ามีมติ 12 ต่อ 0 เพราะประเด็น คือ ก.ตร.ไม่มีอำนาจ แต่ให้รอฟังการวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) อีกทั้งคณะอนุกรรมการวินัย ก.ตร.ก็ล้วนแต่เป็นตำรวจ อยู่ใต้บังคับบัญชาของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีใครกล้าลงมติว่าผู้บังคับบัญชาผิด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 ระบุว่า คณะอนุกรรมการวินัย ไม่มีอำนาจพิจารณาเรื่องร้องทุกข์ของตำรวจว่าถูกหรือผิด มีอำนาจเพียงพิจารณาว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีอำนาจสั่งการหรือไม่เท่านั้น ส่วนที่อ้างว่าก่อนหน้านี้มีอนุกรรมการร้องทุกข์ที่สามารถพิจารณาเรื่องคุณและโทษของตำรวจได้นั้น ปัจจุบันได้ถูกยุบไปแล้ว และมี ก.พ.ค.ตร.เข้ามาแทนที่ ในการให้ความเป็นธรรมกับเรื่องร้องทุกข์ของตำรวจ ซึ่งเทียบเท่ากับศาลปกครองชั้นต้น ดังนั้นหลังจากนี้หากผลวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. ออกมาเป็นโทษกับตัวเอง ก็จะไปร้องศาลปกครองสูงสุดต่อไป

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ผบ.ตร.พยายามพูดเพียงมาตรา 131 ไม่ได้พูดถึงมาตรา 120 ซึ่งมาตรา 131 วรรค 6 หลักเกณฑ์และวิธีการเกี่ยวกับการสั่งพักราชการ และให้ออกจากราชการไว้ก่อน ระบุว่าการดำเนินการให้เป็นไปตามผลการสอบสวนพิจารณา และเป็นไปตามที่กำหนดในกฎ ก.ตร. ซึ่งกรณีนี้เป็นการลักไก่ ทำไม่ครบ ดูเพียงข้อ 1 ว่า ผบ.ตร.มีอำนาจ

กรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่งเรื่องคำสั่งดังกล่าวไปให้กฤษฎีกาตีความ ต่อมาตั้งข้อสังเกตว่าเป็นคำสั่งไม่ถูกต้อง และนายกรัฐมนตรีส่งหนังสือกลับไปยัง ผบ.ตร.

แต่สุดท้ายเมื่อวานนี้ (26 มิ.ย.) มานั่งเป็นประธาน ก.ตร. และรับรองมติโดยไม่ได้คัดค้าน ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว ซึ่งจากนี้ตนเองจะดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน

ใครไม่โดนก็ไม่รู้ หาว่าไปท้าตีท้าต่อย ผมกำลังตามหาความยุติธรรมให้กับตัวเองอยู่ ถ้าผมเหลือปีเดียว ไม่มีใครมารังแกผมหรอก แต่บังเอิญเหลือหลายปี และเป็นอาวุโสอันดับ 1

ส่วนกรณีที่ตนฟ้องหมิ่นประมาท พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) แล้วเจ้าตัวระบุจะนำข้อมูลการสอบสวนมาเปิดเผยนั้น ตนไม่ได้กังวล อีกทั้งมั่นใจว่า จะได้รับความเป็นธรรมจาก ก.พ.ค.ตร. เพราะพิจารณาเพียงคำสั่งทางปกครองว่าเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ แต่หากผลเป็นลบจะใช้สิทธิยื่นศาลปกครองสูงสุด

นอกจากนี้ กรณีนายวิษณุ เครืองาม ขออย่าด่วนใจร้อนฟ้องนายกรัฐมนตรีนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ตนเองถูกละเมิดซ้ำ ๆ และการที่นายกรัฐมนตรีไปรับรองมติ ก.ตร.ทั้งที่ปรึกษากฤษฎีกาแล้วได้ข้อสังเกตว่าคำสั่งไม่สมบูรณ์ การที่พูดว่าจะให้ความเป็นธรรม จึงเป็นแค่วาทกรรม

ท่านพูดว่าให้ความเป็นธรรมกับผม เป็นแค่วาทกรรม เพราะการกระทำไม่ใช่

ทั้งนี้ ในวันที่ 28 มิ.ย.2567 เวลา 13.30 น. พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะเดินทางไปศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อฟ้องดำเนินคดีอดีตนายพลตำรวจ และเตรียมฟ้องนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการ ก.ตร.ทั้งคณะ รวม 12 คน ในช่วงสัปดาห์หน้า

อ่านข่าว : "บิ๊กโจ๊ก" เดินหน้าฟ้องหมิ่นฯ 1 ใน ก.ตร. เหตุใส่ร้ายเอี่ยวเว็บพนันออนไลน์ 

"เศรษฐา" เผยยังไม่นำคำสั่ง "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการขึ้นทูลเกล้าฯ 

มติ ก.ตร. 12 ต่อ 0 เห็นชอบคำสั่งให้ "บิ๊กโจ๊ก" ออกจากราชการ 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง