Thailand Web Stat
ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

กสม.จี้ สปส.ปม “บุตรตามความจริง” ร้องขอรับเงินชราภาพ

สังคม
25 ต.ค. 67
07:46
410
Logo Thai PBS
กสม.จี้ สปส.ปม “บุตรตามความจริง” ร้องขอรับเงินชราภาพ
อ่านให้ฟัง
08:36อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กสม.แนะสปส.ยกเลิกแนวปฏิบัติสำนักงานประกันสังคม กรณีไม่จ่ายเงินสงเคราะห์ ของผู้ประกันตนซึ่งถึงแก่ความตายให้กับบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นบุตรตามความเป็นจริง ชี้มีคดีร้องเรียน 3,812 คดี

วันนี้ (25 ต.ค.2567) น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้พิจารณากรณีสำนักงานประกันสังคมปฏิเสธการจ่ายเงินสงเคราะห์ และเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตน ซึ่งถึงแก่ความตายให้กับเด็กหญิง ซึ่งเป็นบุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นบุตรตามความเป็นจริงของผู้เสียชีวิต

โดยเด็กหญิงและมารดา ต้องยื่นฟ้อง สำนักงานประกันสังคมและคณะกรรมการอุทธรณ์ ต่อศาลแรงงานภาค 7 เพื่อให้ได้รับเงินสงเคราะห์ตามมาตรา 73 (2) แห่งพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2558

ต่อมาแม้ว่าศาลแรงงานภาค 7 จะมีคำพิพากษาว่า "บุตร" ในพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533 หมายถึงบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายและบุตรตามความเป็นจริงด้วย และศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษได้พิพากษาเห็นด้วยกับคำวินิจฉัยของศาลแรงงานภาค 7 แต่สำนักงานประกันสังคมกลับมีหนังสือแจ้งเวียนว่า คำพิพากษามีผลผูกพันเฉพาะราย และให้ตีความคำว่า "บุตร" หมายถึงบุตรชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น

กสม. เห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นการจำกัด และกระทบต่อสิทธิ์เด็กและทายาทตามความเป็นจริงของผู้ประกันตน ซึ่งถึงแก่ความตาย จึงได้หยิบยกขึ้นศึกษาเพื่อจัดทำข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ  (กสม.)

น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

น.ส.สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)

ชี้มีเคสร้องเรียน 3,812 คดี

กสม.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงจากการรวบรวมข้อมูลของสถาบันนิติวัชร์ สำนักงานอัยการสูงสุด ระหว่างปี 2565 ถึงเดือน พ.ค.2567 ระบุว่า ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด 64 จังหวัด มีคำร้องขอรับรองบุตรเพื่อนำไปใช้ประกอบการยื่นขอรับเงินประโยชน์ทดแทนกรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตายให้แก่บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 3,812 คดี เฉลี่ยปีละ 1,687 คดี

โดยมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 10,000 บาทต่อคดี การดำเนินการดังกล่าวตั้งแต่ต้นจนเสร็จสิ้นทุกขั้นตอนต้องใช้เวลานานกว่า 3 ปี 10 เดือน เป็นเหตุให้บุตรของผู้ประกันตนที่ขอรับเงินสงเคราะห์ ได้รับเงินล่าช้า และไม่ทันต่อสถานการณ์ความเดือดร้อน

เช่นเดียวกับกรณีนี้ การที่มารดาและเด็กต้องเป็นฝ่ายฟ้องคดีเพื่อให้ได้รับเงินประโยชน์ทดแทนตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม โดยต้องเผชิญกับขั้นตอนทางกฎหมายที่ซับซ้อน ทำให้ต้องสูญเสียรายได้ เพิ่มภาระและค่าใช้จ่ายจากการหยุดงานเพื่อไปขึ้นศาลบ่อยครั้ง

ขณะที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องสูญเสียแรงงานทรัพยากรบุคคลโดยไม่จำเป็น เพราะเมื่อศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดตีความให้ "บุตร" ตามกฎหมายประกันสังคม หมายรวมถึงบุตรตามความเป็นจริงแล้ว สำนักงานประกันสังคมต้องจ่ายเงินดังกล่าวเช่นเดิม

แต่กรณีนี้สำนักงานประกันสังคม โดยสำนักสิทธิประโยชน์ กลุ่มงานกำกับและควบคุมการวินิจฉัยประโยชน์ทดแทน กลับมีหนังสือเวียน ที่ รง 0629/ว95 ลงวันที่ 15 ก2567 แจ้งสำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา ว่าคำพิพากษาของศาลมีผลต่อคู่ความในคดีเท่านั้น

การจ่ายเงินสงเคราะห์กรณีผู้ประกันตนเสียชีวิตและเงินบำเหน็จชราภาพแก่บุตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องเป็นกรณีที่ศาลมีคำสั่งเท่านั้น หากจะเปลี่ยนแปลงแนวทางการวินิจฉัยจ่ายประโยชน์ทดแทนได้ต้องมีคำพิพากษาที่พิจารณาพิพากษาคดีจนเป็นแนวบรรทัดฐาน

กสม. เห็นว่า แนวปฏิบัติตามหนังสือเวียนดังกล่าว ของสำนักงานประกันสังคมกระทบต่อสิทธิของเด็กและทายาทที่จะได้รับสวัสดิการสังคม และหลักประกันสังคม ซึ่งได้รับการรับรองตามข้อ 9 ของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม (ICESCR)

และความเห็นทั่วไป ของคณะกรรมการประจำกติกา ICESCR ที่ประสงค์ให้รัฐมุ่งเน้นสิทธิ์ในการเข้าถึงและรักษาสิทธิ์ประโยชน์แก่ผู้ที่อยู่ในความอุปการะ ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของเงินหรือสิ่งอื่นใดโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ เพื่อให้ได้ความคุ้มครองจากการขาดรายได้จากการทำงานที่มีสาเหตุจากการเสียชีวิตของสมาชิกในครอบครัว

รวมทั้งข้อ 2 ของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (CRC) ที่รับรองสิทธิเด็กมิให้ถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งการเกิดหรือสถานะอื่น ๆ ของเด็ก หรือบิดา มารดา หรือผู้ปกครองตามกฎหมาย ตลอดจนรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 74 ว่าด้วยแนวนโยบายของรัฐในการคุ้มครองและส่งเสริมผู้ใช้แรงงานด้านรายได้ สวัสดิการ การประกันสังคม และสิทธิประโยชน์อื่นที่เหมาะสมแก่การดำรงชีพ

ด้วยเหตุนี้ กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 39/2567 เมื่อวันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงมีมติให้แจ้งข้อเสนอแนะในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนไปยัง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงานเพื่อมอบหมายให้สำนักงานประกันสังคม ยกเลิกหนังสือสำนักสิทธิประโยชน์ กลุ่มงานกำกับและควบคุมการวินิจฉัยประโยชน์ทดแทน ที่ รง 0629/ว95 ลงวันที่ 15 ก.ค.2567

และให้มีหนังสือแจ้งแนวปฏิบัติเรื่องการตีความคำว่า "บุตร" ในมาตรา 73 (2) และมาตรา 77 จัตวา วรรคสอง (1) แห่งพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ให้สอดคล้องตามคำพิพากษาศาลแรงงานภาค 7 และศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ

กล่าวคือให้ตีความ "บุตร" ตามกฎหมายประกันสังคม หมายรวมถึงบุตรตามความเป็นจริง

ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เป็นภาระเกินสมควร และเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของเด็กให้ได้รับสวัสดิการสังคมและหลักประกันทางสังคมโดยปราศจากการเลือกปฏิบัติ ตามที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ และกติการะหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง

รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย

อ่านข่าว 

คุม "นัตตี้" พร้อมแม่โกงเทรดหุ้น ถึงไทยแล้ว หลังถูกจับที่อินโดนีเซีย

อบอุ่น! ส่งเด็กหญิง 14 ปีรถบัสไฟไหม้กลับบ้านแล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Failed to load player resources

Please refresh the page to try again.

ERROR_BYTEARK_PLAYER_REACT_100001

00:00

00:00

ให้คะแนนการอ่านข่าวนี้