วันนี้ ( 18 ธ.ค.2567) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมแถลงเป้าทำงานในการผลักดันการส่งออกปี 2568 ร่วมกับภาคเอกชน ว่า กระทรวงฯเห็นตรงกันว่า การส่งออกในปี 2568 จะยังมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อได้ตั้งเป้าหมายร่วมกันว่าจะเติบโตที่ 2-3% เพิ่ม 2% มูลค่า 305,315.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 10.38 ล้านล้านบาท
![นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhUBQl1bWnx0wsu1qWXeQr0kjCby.jpg)
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
และเพิ่ม 3% มูลค่า 308,307.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 10.482 ล้านล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่คาดว่าจะส่งออกได้ประมาณ 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5% จากเป้าที่ตั้งไว้ 1-2% หรือเป็นเงินบาทประมาณ 10 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ นับตั้งแต่ไทยมีการส่งออกมา
สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนการส่งออกในปี 2568 ไทยมีความพร้อมในด้านการค้า การลงทุน เศรษฐกิจกลับมาขยายตัวเป็นบวก และพร้อมที่จะทำ FTA กับทุกประเทศ ที่สำเร็จแล้ว คือ เอฟตา กำลังเจรจากับสหภาพยุโรป (อียู) เกาหลีใต้ และอีกหลายประเทศ หากสำเร็จจะเพิ่มโอกาสในการทำตลาด อีกทั้งไทยยังได้ตั้งเป้าหมายเป็นฐานการผลิตอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งขณะนี้มีการเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) หากโรงงานเดินเครื่องได้ ก็จะเพิ่มยอดส่งออกได้มาก
![](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhUBQl1bWnx0wsut4mhVNR9Ort2V.jpg)
ส่วนแผนรับมือความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น เช่น กรณีนโยบายทรัมป์ 2.0 กระทรวงฯได้วางแผนทำงานเชิงรุกไว้แล้ว ทันทีที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ รับตำแหน่งในเดือน ม.ค.2568 ซึ่งเดือน ก.พ.2568จะจัดคณะผู้แทนไทยเดินทางไปสหรัฐฯ ทันที เพื่อไปหารือและเจรจาการค้า ไปอธิบายให้สหรัฐฯ เข้าใจว่า ที่ไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ เป็นเพราะนักลงทุนสหรัฐฯ เข้ามาลงทุนในไทยและส่งออกกลับไป การปรับขึ้นภาษี ก็จะกระทบต่อนักลงทุนสหรัฐฯ เอง และเชื่อว่า ไทยจะไม่โดนปรับขึ้นภาษี เมื่อเทียบกับคู่แข่ง อย่างจีน และเวียดนาม ที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ
ขณะเดียวกัน จะหารือกับญี่ปุ่น เพื่อชักชวนนักลงทุนญี่ปุ่นให้เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่ญี่ปุ่นมีแผนขยายการลงทุนอยู่แล้ว และจะผลักดันให้ญี่ปุ่น กลับมาเป็นนักลงทุนอันดับหนึ่งในไทยต่อไป
![นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhUBQl1bWnx0wsuwQgxloUefl4NQ.jpg)
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย
สำหรับปัจจัยที่น่ากังวล คือ ค่าเงินบาท ที่ขณะนี้เริ่มกลับมาแข็งค่าอีกแล้ว และแข็งไปเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่ค่าเงินอ่อนค่าหมด ยกเว้นไทย โดยอยากเห็นค่าเงินอยู่ที่ระดับ 36-37 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการส่งออกได้มาก
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ คนที่ 1 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป้าส่งออกปี 2568 ที่ตั้งไว้ที่ 2-3% มีโอกาสทำได้สูง แต่เป็นห่วงเรื่องเซอร์ไพร์สจากสหรัฐฯ ที่ยังอ่านไม่ออกว่าจะเป็นยังไง ถ้าโชคดี ไทยก็อาจไม่โดนอะไรมาก
![นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ คนที่ 1 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย](https://news.thaipbs.or.th/media/TSNBg3wSBdng7ijMhUBQl1bWnx0wsuysAEBYegpsLeY.jpg)
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ คนที่ 1 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ คนที่ 1 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปี 2567 การส่งออกจะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทำได้ 300,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็น เงินบาท 10 ล้านล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนอย่างไร้รอยต่อ
ส่วนปี 2568 ที่ตั้งเป้าไว้ 2-3% มีโอกาสทำได้สูง เพราะกระทรวงพาณิชย์มีแผนทำงานร่วมกับภาคเอกชนชัดเจน จับต้องได้ สำหรับปัจจัยเสี่ยงจากสหรัฐฯ เท่าที่ฟัง มีการทำแผนรับมือความเสี่ยงไว้แล้ว และยังจะไปพบกับสหรัฐฯ ทันทีที่รัฐบาลใหม่เริ่มทำงาน ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
อ่านข่าว:
“พิชัย นริพทะพันธุ์” วานิชย์ สู่ ธนกิจการเมือง คุมปากท้องชาวบ้าน