"ผมไม่ทราบว่าข่าวมาจากไหน ใครกุขึ้นมาหรือมโนขึ้นมา ผมยังมีเวลาอยู่ในหน้าที่อีกหลายเดือน ในช่วงเวลานี้ผมจะสะสางงานและทำทุกอย่างให้เรียบร้อย เพื่อส่งมอบให้ผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่อไป โดยที่จะได้ไม่ต้องมาเริ่มนับ 1 ใหม่ มารับช่วงการทำงานที่มีข้อมูลและสิ่งต่างๆ ที่ผมได้ทำไว้ให้หมดสิ้นแล้ว ก็แค่เข้ามาบริหาร"
นี่คือคำพูดของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง หรือ บิ๊กอ๊อด อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในการแถลงข่าวเชิดชูผลงานการเป็นนายกสมาคมฯ ตลอด 8 ปีที่ดำรงตำแหน่ง เมื่อเดือน ก.ย.2566
ขณะที่เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.) "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ หลังน้ำตาต่อหน้าสื่อมวลชน เปิดเผยเรื่องราวใต้พรมให้สังคมได้รับทราบ ถึงหนี้สินที่เกิดขึ้นในยุคการบริหารงานของ "บิ๊กอ๊อด"
โดยเฉพาะการกู้ยืมเงินจากฟีฟ่า 155 ล้านบาทในเดือน ต.ค.2563 ทำให้ฟีฟ่าต้องหักเงินสนับสนุนสมาคม เป็นระยะเวลา 10 ปี ตกปีละเกือบ 17 ล้านบาท และยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกนำไปบริหารและพัฒนาโครงสร้างฟุตบอลไทยในด้านใด
อ่านข่าว : "มาดามแป้ง" จ่อฟ้อง ส.บอลชุดเก่า ชดใช้หนี้ 360 ล้าน
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ทำให้สื่อมวลชนเกิดคำถามมากมาย คือ เรื่องที่ผู้บริหารสมาคมชุดเก่านำข้อมูลฟุตบอลไทยลีกและทีมชาติ ไปขายให้กับเว็บไซต์มาเลเซียและไม่สามารถซื้อคืนกลับมาได้ ต้องรอจนกระทั่งหมดสัญญาเท่านั้น แม้จะไม่มีการประเมินมูลค่าที่แน่ชัด แต่คาดกันว่ามีมูลค่ามหาศาล
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการรับเงินเดือนตำแหน่งนายกสมาคมฯ และประธานไทยลีก รวมเดือนละ 1 ล้านบาท แม้บิ๊กอ๊อดจะยืนยันว่าคืนให้กับสมาคมแล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่พบหลักฐานการคืนเงิน
รวมถึงเรื่องการว่าจ้างทนายความสู้คดีกับ "สยามสปอร์ต" ในชั้นศาลฎีกา เป็นเงิน 30 ล้านบาท เเต่ศาลไม่อนุญาตให้ยื่นฎีกา โดยมีค่าจ้างทนายมากกว่าตอนสู้คดีในศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ มากถึง 100 เท่า ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อนที่บิ๊กอ๊อดจะลงจากตำแหน่งไม่ถึง 1 เดือนเท่านั้น
อ่านข่าว : เปิด 11 ผลงานเด่น "มาดามแป้ง" นั่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ 1 ปี
มาดามแป้ง ให้หนึ่งในสภากรรมการสมาคมฯ อย่างนายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล เปิดเผยเพิ่มเติมว่ามีการจ่ายเงิน 30 ล้านบาทให้ทนายเพื่อยื่นฎีกา ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่ผิดปกติอย่างมาก เพราะในศาลชั้นต้นค่าทนายความเสนอเพียง 750,000 บาท ส่วนค่าทนายในชั้นอุทธรณ์อยู่ที่ 300,000 บาท ทำให้มาดามแป้งเตรียมฟ้องบิ๊กอ๊อดและสภากรรมการชุดเก่า
ช่วงหนึ่งในการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา "มาดามแป้ง" ระบุว่า
ตัดสินใจแล้วในฐานะนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมสภากรรมการเฉพาะกิจอย่างเร่งด่วน เพื่อขอความเห็นชอบในการฟ้องไล่เบี้ย ตามมาตรา 76 ของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แก่จำเลยที่ 2 คือ อดีตนายกสมาคมฯ และสภากรรมการในยุคนั้น
ขณะที่นายเกริกชัย คุณโฑ สื่อมวลชนสายฟุตบอลไทย ให้ความเห็นต่อกรณีนี้ว่า หากมองในเรื่องของนักธุรกิจก็น่าจะมีคอนเนกชันที่ดีและช่วยสนับสนุนวงการฟุตบอลไทย แต่ขั้นตอนและวิธีการหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ต้องรอดูทิศทางว่ามาดามแป้งจะวางแผนอย่างไรกับการที่จะนำเงินจากคอนเนกชันต่างๆ หรือใช้ความรู้และประสบการณ์ในด้านธุรกิจไปทำอย่างไร เพื่อนำเงินไปใช้หนี้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ให้สามารถดำเนินต่อไปให้ได้
สิ่งสำคัญที่ต้องจับตามองหลังจากนี้ คือการชำระหนี้ให้กับสยามสปอร์ต พร้อมดอกเบี้ยเป็นจำนวนเงินเกือบ 600 ล้านบาท มาดามแป้งจะมีแนวทางและเตรียมดำเนินการไปในรูปแบบใด เพื่อพาวงการฟุตบอลไทยฝ่าวิกฤตเดินหน้าต่อจากนี้
อ่านข่าว
"สรวงศ์" ชี้ท่องเที่ยวมีงบพันล้าน แต่ใช้หนี้แทนส.ฟุตบอล ไม่ได้
สมาคมกีฬาฟุตบอลฯแพ้คดีพิพาท ศาลสั่งชดใช้ "สยามสปอร์ต" 360 ล้าน