วันที่ 28-31 พ.ค.2568 จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 วาระแรก วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากงบประมาณ พ.ศ.2568 จำนวน 2.79 หมื่นล้านบาท
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยยืนยันความพร้อม และยังบอกให้ทุกกระทรวงพร้อมด้วย เพื่อช่วยกันอธิบายงบประมาณให้ชัดเจน
ส่วนกรณีฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่างบประมาณของแต่ละกระทรวงไม่สอดคล้องกันเหมือนแต่ละพรรคเตรียมการเลือกตั้ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ให้ฝ่ายค้านทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะต้องเรียกคุยหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลก่อนวันอภิปรายหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราคุยกันหลายรอบแล้ว รวมถึงนอกรอบด้วย ซึ่งแต่ละกระทรวงก็มีการพูดคุยกันในรายละเอียดกันเอง ก็ไม่ต้องคุยเพิ่ม ให้ทุกคนพร้อมตอบคำถามดีกว่า

"อนุทิน" มั่นใจถกงบฯ ไม่มีสะดุด
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร เพราะงบประมาณนี้ผ่านการพิจารณาทั้งระดับกระทรวง และคณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือว่าพรรคร่วมรัฐบาลเห็นชอบด้วย
ส่วนที่บอกว่าพรรคภูมิใจไทยจะขวางและโหวตสวนนั้น นายอนุทิน ระบุว่า ตนเองไม่ทราบว่าใครพูด แต่ยืนยันว่าไม่ใช่พรรคภูมิใจไทยแน่นอน เพราะทำงบประมาณในส่วนนี้ขึ้นเองทั้ง 4 กระทรวงที่พรรคกำกับดูแลอยู่ งบประมาณกว่า 1 ล้านล้านบาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่สนับสนุน และต้องเร่งดำเนินการให้กับประชาชน
เมื่อถามย้ำว่าทุกเสียงของพรรคภูมิใจไทยจะยกมือสนับสนุนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราก็เป็นรัฐบาล ย้ำว่าไม่มีสะดุดอยู่แล้ว และไม่มีความขัดแย้งกันของรัฐบาล
ส่วนพรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมรัฐบาลเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่ หลังพรรคฝ่ายค้านเตรียมขุนพลกว่า 50 คนในการอภิปรายชำแหละงบประมาณ นายอนุทิน ยืนยันว่า กระทรวงที่เกี่ยวข้องก็ต้องชี้แจง
เปิด 10 อันดับหน่วยงานได้งบฯ สูงสุด
สำหรับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ประจำปี 2569 มีหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุด 10 อันดับแรก ได้แก่
1.งบกลาง 632,968 ล้านบาท ลดลงจากปี 2568 จำนวน 209,032 ล้านบาท
2.กระทรวงการคลัง 397,856 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 จำนวน 8,197 ล้านบาท
3.กระทรวงศึกษาธิการ จำนวน 355,108 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 จำนวน 14,333 ล้านบาท
4.กระทรวงมหาดไทย จำนวน 301,265 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 จำนวน 6,852 ล้านบาท
5.กระทรวงกลาโหม จำนวน 204,434 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 จำนวน 4,713 ล้านบาท
6.กระทรวงคมนาคม จำนวน 200,756 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 จำนวน 7,403 ล้านบาท
7.กระทรวงสาธารณสุข จำนวน 177,639 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 จำนวน 5,673 ล้านบาท
8.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม จำนวน 140,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 จำนวน 8,058 ล้านบาท
9.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 130,111 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 จำนวน 7,483 ล้านบาท
10.กระทรวงแรงงาน จำนวน 68,069 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2568 จำนวน 21.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์ ซึ่งเป็นเอกสารที่ใช้สำหรับประกอบการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ โดยพบว่าคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2568 (ในกรณีฐานที่ไม่รวมผลจากการดำเนินมาตรการภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐอเมริกา) ว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.3-3.3 โดยมีแรงสนับสนุนสำคัญจากการขยายตัวในเกณฑ์สูงของการลงทุนภาครัฐ การขยายตัวอย่างต่อเนื่องของการบริโภคภายในประเทศ ประกอบกับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว
แต่เศรษฐกิจไทยยังมีข้อจำกัดจากภาระหนี้สินภาคครัวเรือน และภาคธุรกิจที่ยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งมีปัจจัยเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และความผันผวนในภาคเกษตร ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ 0.5-1.5 และดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลร้อยละ 2.5 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 2569 สภาพัฒน์คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.3-3.3 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวต่อเนื่องของการอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ในขณะที่การดำเนินมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศยังเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย สำหรับอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ในช่วงร้อยละ 0.5-1.5 และดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลร้อยละ 2.3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
อ่านข่าว : "นิด้าโพล" ชี้รัฐบาลต้องแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน แต่ยังหนุนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3-4