ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

รับมือภัยเงียบในเด็กเล็กช่วงฤดูฝน "ไข้หวัดใหญ่ โควิด-19 RSV"

ไลฟ์สไตล์
27 พ.ค. 68
17:28
96
Logo Thai PBS
รับมือภัยเงียบในเด็กเล็กช่วงฤดูฝน "ไข้หวัดใหญ่ โควิด-19 RSV"
อ่านให้ฟัง
13:33อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ช่วงฤดูฝน เด็กเล็กเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น RSV, ไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 ซึ่งมีอาการคล้ายคลึงกันจนยากต่อการแยกแยะ ผู้ปกครองจำเป็นต้องเข้าใจความแตกต่างของอาการ สัญญาณเตือน และวิธีป้องกัน เพื่อรับมืออย่างทันท่วงที

ฤดูฝนนำมาซึ่งความชื้นและอากาศเย็น เป็นสภาวะที่เหมาะต่อการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุ 0-2 ปีที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง โรค RSV, ไข้หวัดใหญ่, และโควิด-19 เป็น 3 โรคที่พบได้บ่อยและสร้างความกังวลให้ผู้ปกครอง เนื่องจากอาการเริ่มต้นที่คล้ายกัน เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก ทำให้การวินิจฉัยและการดูแลต้องอาศัยความรู้และความระมัดระวัง การเตรียมตัวด้วยความเข้าใจเกี่ยวกับการติดต่อ อาการ และการป้องกัน จะช่วยลดความเสี่ยงและความรุนแรงของโรคในเด็ก

การระบาดของโรคทางเดินหายใจในช่วงฤดูฝนมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี โดย RSV มักพบในเด็กเล็กมากที่สุด ขณะที่ไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 สามารถระบาดได้ในทุกกลุ่มวัย การติดต่อผ่านละอองฝอยจากการไอจาม การสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ และการอยู่ในสถานที่แออัด เช่น โรงเรียนหรือศูนย์เด็กเล็ก ทำให้เชื้อแพร่กระจายได้ง่าย ผู้ปกครองจึงต้องเพิ่มความระวังและปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด เพื่อลดโอกาสที่ลูกจะป่วยหนัก

โรคติดเชื้อไวรัส RSV

  • สาเหตุและการระบาด

RSV (Respiratory Syncytial Virus) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มักระบาดหนักในช่วงฤดูฝน (ก.ค.-พ.ย.) และฤดูหนาว เด็กเล็กอายุ 0-2 ปีเป็นกลุ่มที่พบการติดเชื้อมากถึงร้อยละ 46 ตามข้อมูลการเฝ้าระวัง ไวรัสนี้ทำให้เกิดการอักเสบที่หลอดลมฝอย ซึ่งรุนแรงกว่าไข้หวัดทั่วไปและอาจนำไปสู่ภาวะปอดอักเสบ

  • การติดต่อ

RSV แพร่กระจายผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจามของผู้ป่วย การสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือสิ่งของที่ปนเปื้อน เช่น ของเล่น ภาชนะ หรือพื้นผิว เชื้อสามารถอยู่บนพื้นผิวได้นานเป็นวันและบนมืออย่างน้อย 30 นาที ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้นาน 3-8 วันหลังมีอาการ

  • อาการ

เด็กที่ติดเชื้อ RSV มักมีอาการคล้ายไข้หวัด เช่น ไข้ ไอ จาม น้ำมูก และกินอาหารน้อยลง แต่อาการเด่นคือ หลอดลมฝอยอักเสบ ซึ่งทำให้หายใจหอบเหนื่อย อกบุ๋ม และมีเสียงหายใจวี้ด ในเด็กทารกอาจร้องกวน ซึมลง หรือหายใจลำบาก อาการมักปรากฏ 4-6 วันหลังได้รับเชื้อ และส่วนใหญ่หายเองภายใน 1-2 สัปดาห์

  • กลุ่มเสี่ยง

เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี เด็กคลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีโรคหัวใจหรือปอดเรื้อรัง และผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว มีความเสี่ยงสูงต่ออาการรุนแรง โดยเฉพาะภาวะปอดอักเสบ

  • การป้องกัน

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน RSV การป้องกันจึงเน้นที่สุขอนามัย เช่น ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด หลีกเลี่ยงการสัมผัสผู้ป่วย ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน ทำความสะอาดของเล่นและพื้นผิวเป็นประจำ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และควันบุหรี่ ผู้ป่วยควรหยุดพักที่บ้านและสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไอหรือจาม

  • การดูแลเมื่อป่วย

หากอาการไม่รุนแรง สามารถดูแลที่บ้านได้ด้วยการให้ยาลดไข้ ยาละลายเสมหะ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และรักษาร่างกายให้อบอุ่น หากมีอาการรุนแรง เช่น หอบเหนื่อย ซึมลง หรือกินอาหารได้น้อย ควรรีบพบแพทย์ เด็กกลุ่มเสี่ยงอาจต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อรับออกซิเจน สารน้ำ หรือยาขยายหลอดลม

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

โรคไข้หวัดใหญ่ (Influenza)

  • สาเหตุและการระบาด

ไข้หวัดใหญ่เกิดจากไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) สายพันธุ์ A และ B พบมากในช่วงฤดูฝน (มิ.ย.-ต.ค.) และฤดูหนาว (ม.ค.-มี.ค.) เด็กมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรง

  • การติดต่อ

แพร่กระจายผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจาม และการสัมผัสน้ำมูก น้ำลาย หรือเสมหะของผู้ป่วย อาการมักปรากฏ 1-4 วันหลังได้รับเชื้อ

  • อาการ

เด็กโตและวัยรุ่นมักมีไข้สูงเฉียบพลัน หนาวสั่น ปวดเมื่อยตามตัว น้ำมูกใส ไอแห้ง เจ็บคอ และเบื่ออาหาร ในเด็กเล็กอาจพบอาการอาเจียน ท้องเสีย หรือชักจากไข้สูง ไข้มักนาน 3-7 วัน และอาการไอหรือน้ำมูกอาจอยู่นาน 1-2 สัปดาห์

  • กลุ่มเสี่ยง

เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี เด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด เบาหวาน หรือโรคหัวใจ รวมถึงหญิงตั้งครรภ์และผู้สูงอายุ มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น หูชั้นกลางอักเสบ หลอดลมอักเสบ หรือปอดอักเสบ

  • การป้องกัน

การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีเป็นวิธีป้องกันที่มีประสิทธิภาพ สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป เด็กอายุน้อยกว่า 9 ปีที่ฉีดครั้งแรกต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 1 เดือน นอกจากนี้ควรล้างมือบ่อย ๆ หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด และไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน

  • การดูแลเมื่อป่วย

หากอาการไม่รุนแรง ดูแลที่บ้านด้วยยาลดไข้ ยาลดน้ำมูก ยาละลายเสมหะ ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ เด็กควรหยุดเรียน 5-7 วันและสวมหน้ากากอนามัย ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีอาการรุนแรง อาจต้องใช้ยาต้านไวรัส เช่น Oseltamivir และนอนโรงพยาบาลหากสงสัยปอดอักเสบ

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

โรคโควิด-19

  • สาเหตุและการระบาด

โควิด-19 เกิดจากไวรัส SARS-CoV-2 ระบาดได้ตลอดทั้งปี โดยเด็กส่วนใหญ่ (กว่าร้อยละ 90) มีอาการไม่รุนแรง แต่เด็กเล็กและผู้ที่มีโรคประจำตัวต้องระวังเป็นพิเศษ

  • การติดต่อ

แพร่กระจายผ่านละอองฝอยจากการไอหรือจาม การสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย หรือการใช้ของใช้ร่วมกัน อาการมักปรากฏ 4-5 วันหลังได้รับเชื้อ และระยะฟักตัวสูงสุด 14 วัน

  • อาการ

อาการในเด็กหลากหลาย เช่น ไข้สูง ปวดศีรษะ ไอแห้ง เจ็บคอ น้ำมูก อ่อนเพลีย ปวดเมื่อย ไม่ได้กลิ่นหรือรับรส คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย อาการรุนแรงที่ต้องระวัง ได้แก่ หายใจลำบาก อกบุ๋ม ปากเขียว ระดับออกซิเจนต่ำกว่าร้อยละ 95 หรือซึมลง ภาวะ MIS-C อาจเกิดขึ้น 2-8 สัปดาห์หลังติดเชื้อ โดยมีอาการ เช่น ไข้สูงนาน ผื่นแดง ต่อมน้ำเหลืองโต หรือปวดท้อง

  • กลุ่มเสี่ยง

เด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี เด็กที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ หอบหืด เบาหวาน หรือภาวะอ้วน มีความเสี่ยงต่ออาการรุนแรงและภาวะ MIS-C

  • การป้องกัน

ฉีดวัคซีนโควิด-19 ในเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไปตามคำแนะนำ ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก ปาก สวมหน้ากากอนามัยในเด็กอายุมากกว่า 2 ปี และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด

  • การดูแลเมื่อป่วย

หากอาการไม่รุนแรง สามารถกักตัวที่บ้านและรักษาตามอาการ เช่น ใช้ยาลดไข้ ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ หรือจิบเกลือแร่หากท้องเสีย เตรียมเครื่องวัดไข้และวัดออกซิเจนไว้ที่บ้าน หากมีอาการรุนแรง เช่น หายใจลำบากหรือปากเขียว ควรรีบพบแพทย์

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ข้อแตกต่างของ RSV, ไข้หวัดใหญ่, และโควิด-19

ทั้ง 3 โรคมีอาการเริ่มต้นที่คล้ายกัน เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ทำให้แยกโรคด้วยอาการเพียงอย่างเดียวได้ยาก การวินิจฉัยที่แม่นยำต้องอาศัยการตรวจในห้องปฏิบัติการ เช่น การป้ายคอหรือจมูกเพื่อหาเชื้อ อย่างไรก็ตาม อาการเด่นและลักษณะเฉพาะของแต่ละโรคช่วยให้ผู้ปกครองสังเกตได้ ดังนี้

  • RSV อาการเด่นคือ หลอดลมฝอยอักเสบ ทำให้เด็กเล็กมีอาการหายใจหอบเหนื่อย อกบุ๋ม เสียงหายใจวี้ด และในทารกอาจร้องกวนหรือซึมลง มักระบาดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว โดยเฉพาะกรกฎาคม-พฤศจิกายน ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยคือปอดอักเสบ
  • ไข้หวัดใหญ่ เริ่มด้วย ไข้สูงเฉียบพลัน และ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ในเด็กเล็กอาจมีอาการอาเจียนหรือท้องเสียร่วมด้วย ภาวะแทรกซ้อน เช่น หูชั้นกลางอักเสบหรือปอดอักเสบ พบในกลุ่มเสี่ยง การตรวจหาเชื้อหลังมีไข้ 24 ชั่วโมงจะแม่นยำ
  • โควิด-19 อาการหลากหลาย โดยอาการ ไม่ได้กลิ่นหรือรับรส เคยเป็นลักษณะจำเพาะ ภาวะ MIS-C เป็นความเสี่ยงเฉพาะที่อาจเกิดหลังติดเชื้อ 2-8 สัปดาห์ อาการรุนแรง เช่น หายใจลำบากหรือปากเขียว ต้องรีบรักษาในโรงพยาบาล
  • ความแตกต่างด้านการป้องกัน ไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 มีวัคซีนป้องกัน แต่ RSV ยังไม่มีวัคซีน การป้องกันทั้ง 3 โรคเน้นสุขอนามัย เช่น ล้างมือ หลีกเลี่ยงที่แออัด และทำความสะอาดสิ่งของ
  • ระยะเวลาและฤดูกาล RSV และไข้หวัดใหญ่ระบาดเด่นในฤดูฝนและหนาว ส่วนโควิด-19 ระบาดได้ตลอดปี
ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

ภาพประกอบข่าว

การเตรียมตัวของผู้ปกครอง

  • เฝ้าระวังอาการ สังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไข้สูง หายใจหอบ ซึมลง หรือกินอาหารน้อยลง โดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุ 0-2 ปี
  • สุขอนามัยเคร่งครัด สอนเด็กให้ล้างมืออย่างถูกวิธี หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้า และทำความสะอาดของเล่นหรือพื้นผิวที่เด็กสัมผัสบ่อย ๆ
  • ฉีดวัคซีนตามกำหนด ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปีสำหรับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป และวัคซีนโควิด-19 สำหรับเด็กอายุ 5 ปีขึ้นไป
  • เตรียมอุปกรณ์ที่บ้าน มีเครื่องวัดไข้และเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว เพื่อติดตามอาการ หากเด็กป่วยให้แยกของใช้ส่วนตัวและให้พักผ่อนเพียงพอ
  • รู้จักสัญญาณเตือน หากเด็กมีอาการหายใจลำบาก ปากเขียว ระดับออกซิเจนต่ำกว่าร้อยละ 95 หรือซึมลง ควรรีบพาไปโรงพยาบาลทันที
  • หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด ลดการพาเด็กไปศูนย์เด็กเล็กหรือสถานที่ที่มีคนจำนวนมากในช่วงฤดูฝน
  • ปรึกษาแพทย์เมื่อจำเป็น หากสงสัยว่าลูกป่วยหรืออยู่ในกลุ่มเสี่ยง อย่ารอช้า ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม

การเตรียมพร้อมและมีความรู้เกี่ยวกับโรค
จะช่วยให้ผู้ปกครองปกป้องลูกน้อยได้อย่างมั่นใจ
ด้วยการดูแลสุขอนามัยและการสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด
เด็ก ๆ จะปลอดภัยจากภัยเงียบในฤดูฝน

ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, รพ.เปาโล, รพ.สมิติเวช, รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์, สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย

อ่านข่าวอื่น :

"บิ๊กป้อม" โชว์ฟิต ยันสบายดีหลังลื่นตกบันได ลั่น​ไม่ใช่เรื่องของเราปมน้ำเงิน-แดง

กกต.เรียก 16 สว.ล็อต 4 เข้ารับทราบ-ชี้แจงข้อกล่าวหาคดีฮั้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง