วันนี้ (28 พ.ค.2568) ทีมปฏิบัติการลับทางทหารจากหลายหน่วยทั้งจากกองทัพบก และนอกหน่วยได้เข้าร่วมกันเข้าจับกุมแหล่งค้าอาวุธออนไลน์ในร้านพลเรือนมาเช่าพื้นที่ในร้านสำหรับสวัสดิการทหารตรงข้ามกองบัญชาการกองทัพภาค 4 ช่วยบ่ายของวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากมีการสืบสวนขยายผลติดตามการค้าอาวุธผ่านออนไลน์มาจาก จ.เชียงใหม่ จนพบว่าต้นทางมาจาก จ.นครศรีธรรมราช เป็นแหล่งค้าโดยสืบสวนมาจนถึงจุดส่ง โดยเจ้าหน้าที่ได้เข้าประชิดและแสดงตัวก่อนเข้าคุมตัวพลเรือนรายนี้คือนายวิสุทธิ์ อายุ 41 ปี ชาว ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช โดยค้นพบหลักฐานส่วนประกอบอาวุธปืนในร้านของนายวิสุทธิ์ ส่วนหนึ่ง
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปยังบ้านพักของทางราชการภายในค่ายทหาร ของหน่วยทหารแห่งหนึ่งที่ภรรยาของนายวิสุทธิ์รับราชการอยู่ พบหลักฐานอีกจำนวนหนึ่ง ก่อนนำตัวนายวิสุทธิ์ไปยังบ้านเดิมใน ต.โพธิ์ทอง อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช พบของกลางอีกจำนวนมาก และเมื่อนำมานับรวมพบว่ามีอาวุธปืนนานาชนิดพร้อมใช้งานรวม 50 กระบอก อุปกรณ์อะไหล่สำหรับประกอบอาวุธปืนเอ็ม 16 และกลไกต่างๆ พานท้ายปืน อีกจำนวนมาก เครื่องกระสุนนานาชนิดอีกร่วม 20,000 นัด
ทหารชุดปฏิบัติการได้ตรวจยึดทั้งหมดและนำมาทำการตรวจสอบในจุดศูนย์รวมแห่งหนึ่งภายในค่ายทหาร และมีการตรวจสอบยุทโธปกรณ์ทั้งหมดตลอดทั้งคืนอย่างละเอียด พบว่าทั้งอาวุธที่อยู่ในสภาพใหม่แกะกล่อง ชิ้นส่วนอาวุธเก่า เครื่องกระสุนซึ่งพบความเชื่อมโยงถึงแหล่งที่มาของหน่วยงานด้านความมั่นคงแห่งหนึ่ง ทีมปฏิบัติการจึงเร่งตรวจสอบแจ้งข้อมูลไปยังผู้บังคับบัญชาชั้นสูงเพื่อพิจารณาสั่งการ

ส่วนพฤติการณ์ในการประกอบธุรกิจอาวุธเถื่อนของพลเรือนรายนี้ได้มีการเข้าเช่าพื้นที่ร้านค้าของ มทบ.41 ซึ่งเปิดให้เช่าสำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจ โดยมีนายวิสุทธิ์ได้เข้าเช่าใช้พื้นที่เปิดร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องแต่งกายและอุปกรณ์ตกแต่งดูแลบำรุงรักษาอาวุธชนิดต่างๆ และยังรับซ่อมอาวุธเป็นการบังหน้า แต่มีการทำธุรกิจออนไลน์จดทะเบียนเป็นผู้ค้าออนไลน์ มีการจำหน่ายชิ้นส่วนอาวุธปืนสงครามและอาวุธปืนผิดกฎหมายทั้งสั้นและยาวทั้งยังมีอุปกรณ์ที่สามารถนำมาประกอบเป็นอาวุธปืนเอ็ม 16 พร้อมบริการจำหน่ายกระสุนแบบไม่อั้น
โดยหลังจากนั้นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องได้ประสานกับ พล.ต.ต.จารุต ศรุตยาพร ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวนเข้าร่วมเพื่อรับช่วงต่อในการดำเนินคดี มีการทำบันทึกจับกุม และคุมตัวแยกเป็นสอง 2 คดี โดยคดีแรกเกิดขึ้นในเขต อ.เมืองนครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่จับกุม และคดีสองเป็นคดีครอบครองในท้องที่ สภ.ท่าศาลา หลังจากถูกส่งตัวนายวิสุทธิ์ ได้ถูกตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช สอบสวนอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายผลอย่างละเอียด มีการปิดกั้นห้ามไม่ให้มีการบันทึกภาพในส่วนของการสอบสวนโดยมีการนำตัวไปสอบสวนในห้องเฉพาะ
อ่านข่าว :
แม่ทัพภาค 2 ยืนยันเหตุปะทะทหารไทย-กัมพูชา ยุติแล้ว