กรณีเรือขนส่งสินค้าชาติเมียนมา ชื่อเรือ “MV.AYAR LINN” เกยตื้นบนแนวปะการังบริเวณอ่าวจาก อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.2568 สร้างความเสียหายแก่ปะการังเป็นวงกว้างนั้น
วันนี้ (4 มิ.ย.2568) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า จากการตวจสอบพบว่าระยะทางตั้งแต่ต้นทางที่มีการชนแนวปะการังจากจุดแรกจนถึงจุดที่เรือเกยตื้น รวม 75 เมตร เบื้องต้นประเมินพื้นที่ปะการังที่ได้รับความเสียหายคิดเป็นพื้นที่ ประมาณ 150 ตารางเมตร

ภาพ : กรมอุทยานฯ
ภาพ : กรมอุทยานฯ
นายอรรถพล กล่าวว่า ชนิดปะการังที่แตกหักและได้รับความเสียหาย มีดังนี้ ปะการังสีน้ำเงิน (Heliopora coerulea) เป็นชนิดปะการังที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดประมาณ 80% ของปะการังทั้งหมดที่ถูกเรือชน, ปะการังเขากวาง (Acropora sp.) ได้รับความเสียหาย ประมาณ 15 %, ปะการังโขด (Porites lutea) ได้รับความเสียหาย ประมาณ 5 %
ปะการังสมองร่องสั้น (Platygyra daedalea) ได้รับความเสียหายค่อนข้างน้อย เกิดการแตกหักไป 4 โคโลนี, ปะการังดอกกะหล่ำ (Pocillopora) ได้รับความเสียหายค่อนข้างน้อย เกิดการแตกหักไป 3 โคโลนี และปะการังดาวเหลี่ยม (Leptastrea purpurea) ได้รับความเสียหายน้อยมาก เกิดการแตกหักไป 1 โคโลนี

ภาพ : กรมอุทยานฯ
ภาพ : กรมอุทยานฯ
“ผมทราบจากเจ้าหน้าที่อุทยานฯ ว่า เรือขนส่งเมียนมาลำนี้ เหมือนพยายามจะหลบเจ้าหน้าที่ทางฝั่งเมียนมา แต่ไม่ทราบสาหตุที่แท้จริงว่าหลบเรื่องอะไร แต่สินค้าที่อยู่บนเรือเป็นสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้เรือดังกล่าวจึงพยายามวิ่งเรืออ้อมมากระทั่งไปชนกองกิน ทำให้เรือรั่ว จึงจำเป็นต้องนำเรือเข้าฝั่งเพื่อหาที่จอด แต่กลับมาเกยแนวปะการังดังกล่าว”
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า กรมอุทยานฯ ได้คำนวณค่าเสียหายที่เกิดจากการทำลายพื้นที่แนวปะการังประมาณ 12,035,477.50 บาท รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการลงไปสำรวจด้วย ขณะนี้ได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายทั้งทางอาญาและแพ่ง

ภาพ : กรมอุทยานฯ
ภาพ : กรมอุทยานฯ
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เกิดเรื่องเจ้าของเรือยังไม่ปรากฏตัว แต่ทางกรมอุทยานฯ จะพยายามติดต่อเพื่อให้มาชดเชยค่าเสียหายดังกล่าวให้เร็วที่สุด สิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้คือสินค้าที่อยู่บนเรือ มีขยะจำพวกกระดาษลัง เศษผ้า ยางรถบรรทุก สายยาง และขยะอื่น ๆ จำนวนหนึ่ง ตกค้างและติดอยู่บนแนวปะการัง และยังมีปูนซีเมนต์กว่า 3,000 กระสอบ ที่ต้องระมัดระวังไม่ให้ตกลงไปในทะเลด้วย รวมทั้งความกังวลเรื่องการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิงจากเรือลงสู่ทะเล โดยตนเองได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เร่งปฏิบัติกู้เรือดังกล่าวออกจากพื้นที่แล้ว

ภาพ : กรมอุทยานฯ
ภาพ : กรมอุทยานฯ
ด้านนายเกรียงไกร เพาะเจริญ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ กล่าวว่า การปฏิบัติภารกิจกู้ซากเรือยังไม่สามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากเป็นช่วงฤดูมรสุม มีกระแสคลื่นและลมแรง ทำให้เสี่ยงต่อการออกปฏิบัติงาน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ จึงจัดประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมหารือแนวทางการจัดการกรณีดังกล่าว

ทั้งนี้ ได้ข้อสรุปแนวทางการแผนการจัดการ 5 มาตรการเร่งด่วน ดังนี้ การป้องกันการรั่วไหลของน้ำมัน เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการดำน้ำ อุทยานฯหมู่เกาะสุรินทร์ ได้สำรวจสภาพเรือทั้งภายนอกและภายในตัวเรืออย่างละเอียด พร้อมทั้งสำรวจตำแหน่งถังน้ำมันเชื้อเพลิงของเรือ เพื่อปิดวาล์วท่อรับและท่อส่งน้ำมันภายในตัวเรือ ป้องกันการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิง

ภาพ : กรมอุทยานฯ
ภาพ : กรมอุทยานฯ
เตรียมความพร้อมควบคุมน้ำมันรั่ว อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ ประสานขอสนับสนุนทุ่นกักน้ำมัน (Oil Boom) เพื่อควบคุมปริมาณน้ำมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำไม่ให้แยกออกจากกัน และไม่ไหลไปตามกระแสน้ำ หากเกิดการรั่วไหลของน้ำมันเชื้อเพลิง โดยขอรับการสนับสนุนจากสำนักงานเจ้าท่า จังหวัดภูเก็ต, ศรชล.ภาค 3, ภาคีเครือข่ายภาคเอกชน
เตรียมทีมฉุกเฉิน ประสานขอสนับสนุน "เรือหลวงปันหยี" เจ้าหน้าที่ พร้อมเครื่องมืออุปกรณ์จากฐานทัพเรือพังงา ผ่านศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ภาค 3 (ศรชล.ภาค 3) สำหรับกรณีเกิดการรั่วไหลในปริมาณมาก
สภ.คุระบุรี ดำเนินการสืบสวนสอบสวนผู้ต้องหาอย่างเข้มข้น ฐานความผิดตามที่อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ร้องทุกข์กล่าวโทษ เพื่อหาพยานหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งตรวจสอบเอกสารเรือและการเข้าออกประเทศ ในส่วนของประประเมินมูลค่าความเสียหายต่อทรัพยากร อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ ร่วมมือกับกรมทรัพยากรชายฝั่ง และศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 จังหวัดภูเก็ต ทำการเก็บข้อมูลความเสียหายประกอบการร้องทุกข์กล่าวโทษ แก่เจ้าของเรือลำดังกล่าว

ภาพ : กรมอุทยานฯ
ภาพ : กรมอุทยานฯ
แนวทางฟื้นฟูทรัพยากรใต้น้ำ อุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเล ที่ 2 จังหวัดภูเก็ต นักวิชาการทางทะเล และกลุ่มภาคีเครือข่ายนักดำน้ำ ร่วมกันสำรวจสภาพความเสียหายของทรัพยากรใต้น้ำอย่างละเอียด พร้อมเก็บขยะที่ปลิวจากเรือ (กระดาษลัง เศษผ้า ยางรถบรรทุก สายยาง) และดำเนินการประกาศปิดพื้นที่บริเวณดังกล่าว เพื่อให้ทรัพยากรธรรมชาติได้ฟื้นฟู
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอความร่วมมือประชาชนและนักท่องเที่ยว หลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บริเวณที่เกิดเหตุโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของทุกท่าน และให้เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติภารกิจกอบกู้วิกฤตครั้งนี้ได้อย่างเต็มที่
อ่านข่าว : "ปะการังสีน้ำเงิน" เสียหายมากสุด เหตุเรือส่งสินค้าเกยตื้นเกาะสุรินทร์