ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ร้าวลึก! เปิดปมสงครามอำนาจรัฐบาลกลาง VS แคลิฟอร์เนีย

ต่างประเทศ
10:15
171
ร้าวลึก! เปิดปมสงครามอำนาจรัฐบาลกลาง VS แคลิฟอร์เนีย
อ่านให้ฟัง
10:01อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ลอสแอนเจลิสเดือด! การประท้วงต่อต้านการจับกุมผู้อพยพของ ICE ทวีความรุนแรง ปธน.ทรัมป์สั่งส่งเนชันแนลการ์ด 2,000 นายลงพื้นที่ หลังเกิดการปะทะและความวุ่นวาย ขณะที่ผู้ว่าการแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัม ซัดเป็นการยั่วยุ สถานการณ์ตึงเครียดยังไร้ทางออก

วันนี้ (9 มิ.ย.2568) ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกลางของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ และ รัฐแคลิฟอร์เนียถึงจุดแตกหักในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อทรัมป์สั่งส่งกำลังป้องกันชาติ หรือ เนชันแนล การ์ด 2,000 นาย เข้าควบคุมสถานการณ์ในลอสแอนเจลิส หลังการประท้วงต่อต้านการจับกุมผู้อพยพโดยหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากรสหรัฐฯ (ICE) ลุกลามเป็นความรุนแรง

การตัดสินใจนี้ถูกผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัม และผู้นำท้องถิ่นประณามว่าเป็นการยั่วยุและละเมิดอำนาจของรัฐ สถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้สะท้อนความขัดแย้งลึกซึ้งระหว่างนโยบายตรวจคนเข้าเมืองของทรัมป์และแนวทางของแคลิฟอร์เนีย

จุดเริ่มต้นของวิกฤต

ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อวันศุกร์ที่ 6 มิ.ย.2568 เมื่อ ICE เปิดปฏิบัติการกวาดล้างผู้อพยพผิดกฎหมายในลอสแอนเจลิส จับกุมบุคคลกว่า 44 คน ที่มีประวัติอาชญากรรมหรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมาย การปฏิบัติการนี้จุดชนวนให้กลุ่มผู้ประท้วงรวมตัวหน้าศูนย์กักกัน Metropolitan Detention Center ในย่านใจกลางเมือง การประท้วงทวีความรุนแรงเมื่อผู้ชุมนุมปิดกั้นทางหลวงสายหลัก เช่น 101 และ 110 ทำให้การจราจรหยุดชะงัก และมีการขว้างปาหิน ขวด และระเบิดขวดใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงเผารถยนต์จนเกิดความโกลาหล

เจ้าหน้าที่ตำรวจลอสแอนเจลิส (LAPD) ประกาศว่าการชุมนุมดังกล่าวผิดกฎหมาย และใช้แก๊สน้ำตา กระสุนพริกไทย เพื่อสลายฝูงชน มีรายงานการจับกุมผู้ประท้วงอย่างน้อย 29 คน และ FBI ลอสแอนเจลิสตั้งรางวัล 50,000 ดอลลาร์เพื่อหาตัวผู้ทำร้ายเจ้าหน้าที่และทำลายทรัพย์สินสาธารณะ LAPD ยังคงสถานะการแจ้งเตือนทางยุทธวิธีทั่วเมือง สั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกนายพร้อมปฏิบัติหน้าที่จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย

เมื่อสถานการณ์บานปลาย ปธน.ทรัมป์ จึงลงนามในบันทึกประธานาธิบดีเมื่อคืนวันเสาร์ (7 มิ.ย.) อนุญาตให้ส่งเนชันแนลการ์ด 2,000 นาย เข้าลอสแอนเจลิส โดยอ้างว่าต้องปกป้องเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางและฟื้นฟูกฎหมายและความสงบเรียบร้อย

คาโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า การตัดสินใจนี้เกิดจากความล้มเหลวของผู้นำพรรคเดโมแครตในแคลิฟอร์เนียที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ส่วน คริสตี โนเอม รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ย้ำว่านี่เป็นการรักษาความปลอดภัยและส่งเสริมการประท้วงอย่างสันติ

รัฐมนตรีกลาโหม พีท เฮกเซธ เสริมว่านาวิกโยธินที่ประจำการที่ค่าย Camp Pendleton ใกล้ลอสแอนเจลิสอยู่ในภาวะเตรียมพร้อมขั้นสูง และอาจระดมทหารประจำการเพิ่ม หากความรุนแรงยังคงดำเนินต่อไป ทรัมป์โพสต์ผ่าน Truth Social ขอบคุณเนชันแนลการ์ดและย้ำว่าเขาจะไม่ยอมให้ม็อบก่อจลาจลทำร้ายเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ใช้กฎหมาย Insurrection Act of 1807 ซึ่งอนุญาตให้ส่งทหารประจำการลงพื้นที่ แต่ระบุว่าเป็นทางเลือกที่ยังเปิดอยู่

แคลิฟอร์เนียโต้กลับ ยั่วยุ-ละเมิดอธิปไตย

ผู้ว่าการแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัม ออกโรงประณาม ปธน.ทรัมป์ ทันที โดยระบุว่าการส่งเนชันแนลการ์ด โดยไม่ได้รับการร้องขอจากรัฐ เป็นการยั่วยุที่อาจทำให้สถานการณ์แย่ลง นิวซัมย้ำว่า LAPD และหน่วยงานท้องถิ่นสามารถจัดการได้ และไม่มีความจำเป็นต้องใช้ทหาร เขากล่าวหาทรัมป์ว่าพยายามสร้างวิกฤตเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง และส่งข้อความถึงรัฐมนตรีกลาโหม เฮกเซธ ขอให้ถอนกำลังทหารและคืนอำนาจควบคุมเนชันแนลการ์ดให้รัฐ

การเคลื่อนไหวนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2508 ที่ประธานาธิบดีสั่งใช้เนชันแนลการ์ดโดยไม่ได้รับความยินยอมจากรัฐ ผู้ว่าการจากพรรคเดโมแครต 22 รัฐสนับสนุนนิวซัม โดยประณามว่าการกระทำของทรัมป์เป็นการใช้อำนาจในทางที่ผิดและละเมิดอธิปไตยของรัฐ

ผู้ว่าการแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัม

ผู้ว่าการแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัม

ผู้ว่าการแคลิฟอร์เนีย แกวิน นิวซัม

นายกเทศมนตรีลอสแอนเจลิส คาเรน บาสส์ กล่าวว่า การส่งทหารสร้างความโกลาหลโดยไม่จำเป็น และ LAPD มีความพร้อมเพียงพอในการจัดการสถานการณ์ เธอย้ำว่าภารกิจของทหารควรจำกัดที่การปกป้องอาคารรัฐบาลกลาง ไม่ใช่แทรกแซงการประท้วง

นโยบายตรวจคนเข้าเมือง-แรงกดดันจากทำเนียบขาว

ความตึงเครียดนี้มีรากฐานจากนโยบายตรวจคนเข้าเมืองของทรัมป์ที่เน้นการเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมาย สตีเฟน มิลเลอร์ รองหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่ของทรัมป์ ผลักดันให้ ICE เพิ่มการจับกุมอย่างเข้มข้น โดยเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ICE ทำสถิติจับกุมผู้อพยพ 2,368 คนในวันเดียว สูงกว่าค่าเฉลี่ย 1,000 ราย/วันในช่วง 100 วันแรกของวาระที่ 2 ของทรัมป์ การปฏิบัติการนี้ จุดกระแสต่อต้านในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งมีนโยบายปกป้องผู้อพยพและเป็นรัฐที่มีชุมชนผู้อพยพจำนวนมาก

นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังข่มขู่ตัดงบประมาณของรัฐบาลกลางที่จัดสรรให้แคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะเงินสนับสนุนระบบมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียและมหาวิทยาลัยรัฐแคลิฟอร์เนีย การตัดงบนี้ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือกดดันให้แคลิฟอร์เนียยอมตามนโยบายของทรัมป์ในด้านพลังงานและตรวจคนเข้าเมือง

ประธานาธิบดีเม็กซิโก คลอเดีย เชนบาว ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การจับกุมผู้อพยพของสหรัฐฯ โดยระบุว่าความรุนแรงไม่ใช่ทางออกของปัญหาการย้ายถิ่น เธอเรียกร้องให้ปฏิรูปนโยบายผู้อพยพอย่างครอบคลุม และย้ำว่าชาวเม็กซิกันในลอสแอนเจลิสมีส่วนสำคัญต่อความเจริญของเมือง เธอยังกล่าวว่าเม็กซิโกพร้อมต้อนรับผู้อพยพที่ต้องการกลับประเทศ

ต่างอุดมการณ์ ต่างนโยบาย ผลประโยชน์ที่ทับซ้อน

ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และแคลิฟอร์เนียเริ่มต้นอย่างชัดเจนในสมัยแรกของ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของพรรคเดโมแครต ประกาศตัวเป็น "Sanctuary State" ผ่านกฎหมาย SB 54 เพื่อปกป้องผู้อพยพผิดกฎหมาย โดยจำกัดความร่วมมือระหว่างตำรวจท้องถิ่นและหน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง (ICE)

ทรัมป์ตอบโต้ด้วยนโยบายเข้มงวด เช่น การสร้างกำแพงชายแดนเม็กซิโก การเพิ่มปฏิบัติการจับกุมผู้อพยพ และข่มขู่ตัดงบประมาณของรัฐ เขายังวิจารณ์แคลิฟอร์เนียว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมจากผู้อพยพ ความตึงเครียดนี้ทวีขึ้นเมื่อแคลิฟอร์เนียฟ้องร้องนโยบายของทรัมป์หลายครั้ง รวมถึงการยกเลิกมาตรฐานสิ่งแวดล้อมและการจำกัดผู้อพยพ

ปมขัดแย้งไม่จำกัดแค่เรื่องผู้อพยพ แต่ยังรวมถึงนโยบายสิ่งแวดล้อมและอำนาจการปกครอง แคลิฟอร์เนียเป็นผู้นำด้านนโยบายพลังงานสะอาดและการลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งขัดแย้งกับนโยบายของทรัมป์ที่สนับสนุนอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ รัฐบาลกลางข่มขู่ตัดงบประมาณสนับสนุนโครงการของรัฐ เพื่อกดดันให้แคลิฟอร์เนียยอมตาม แต่แคลิฟอร์เนียตอบโต้ด้วยการยืนยันอำนาจของรัฐในการกำหนดนโยบายท้องถิ่น และใช้การฟ้องร้องเพื่อปกป้องผลประโยชน์

ความแตกต่างทางการเมืองระหว่างแคลิฟอร์เนีย ฐานที่มั่นของเดโมแครตและรัฐบาลรีพับลิกันของทรัมป์ ทำให้ความสัมพันธ์ตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง แคลิฟอร์เนียสนับสนุนสิทธิผู้อพยพ นโยบายก้าวหน้า และสวัสดิการ ขณะที่ทรัมป์ผลักดันแนวคิดอนุรักษนิยม การปะทะนี้สะท้อนผ่านเหตุการณ์ เช่น การประท้วงต่อต้าน ICE และการวิจารณ์จากนานาชาติ รวมถึงเม็กซิโกที่คัดค้านนโยบายผู้อพยพของสหรัฐฯ รอยร้าวนี้แสดงถึงความขัดแย้งลึกซึ้งระหว่างอำนาจรัฐบาลกลางและรัฐที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ

อ่านข่าวอื่น :

อดีต สมช.ชี้ไม่ประมาทชายแดนไทย-กัมพูชา แนะรัฐบาลกองทัพเป็นหนึ่งเดียว

ทูตทหารรับทราบ! กองทัพไทยชี้แจงมาตรการความมั่นคงชายแดนกัมพูชา