วันนี้ (11 มิ.ย.2568) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคณะทำงานกระทรวงสาธารณสุข ร่วมแถลงความคืบหน้า การดำเนินคดีของ พ.ต.อ. พญ.อัญชุลี หรือ หมอแอร์ และพวก รวม 7 คน ที่ถูกควบคุมตัวสอบปากคำ หลังร่วมกันกระทำผิด สั่งซื้อยาประเภทวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท นอกระบบ กว่า 170,000 เม็ด มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท

พล.ต.ต.นพสิทธิ์ มิตรภักดี ผู้บังคับการตำรวจปราบปรามยาเสพติด 1 เปิดเผยว่า รับแจ้งข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ว่ามีกลุ่มบุคคลลักลอบนำยาควบคุมแผนปัจจุบัน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 และ 4 ออกนอกระบบนำไปใช้ในทางที่ผิด จึงได้ทำการติดตามสืบสวนสอบสวน
โดยมีบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้สั่งการ มีพฤติการณ์สั่งซื้อยาจาก อย. โดยทำการสั่งซื้อในนามของคลินิกทางการแพทย์จำนวน 12 คลินิก ก่อนนำยาไปเก็บซุกซ่อนในห้องพักส่วนตัว และมีผู้เฝ้ายา ก่อนนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ร่วมขบวนการในแต่ละพื้นที่ เจ้าหน้าที่ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน เพราะว่ามีความผิดจริงจึงขออำนาจศาลออกหมายจับ 5 คน ประกอบด้วย พ.ต.อ. พญ.อัญชุลี ทำหน้าที่ ผู้สั่งการและผู้เบิกยาจาก อย. , นายดุริยลักษ์ ทำหน้าที่เฝ้ายาส่งยาไปในพื้นที่วังทองหลาง , น.ส.ณัฐพัชร์ คนจำหน่ายยาในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล , นายปกรณ์ คนปล่อยยาคนปล่อยยาในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล และนายอรชุน คนปล่อยยาในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล

มีความผิด ในข้อหา ร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 Flunitrazepam (ฟลูไนตราซีแพม) โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดและได้รับกระทำความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดเพราะเหตุที่ได้สมคบกันแล้ว
และสมคบกันจำหน่ายยา รวม 2 ข้อหา
หลังทำการสอบปากคำเสร็จ พนักงานสอบสวนยังต้องพิจารณาในข้อหาฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน และแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาซึ่งหน้าได้เพิ่มเติมอีก 2 คน ใน จ.นครปฐม คือ น.ส.พัชรา และ น.ส.พชรมน หลังพบว่า ได้ครอบครองตัวยาวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 ไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลที่ร่วมอยู่ในขบวนการ รวมเป็นผู้ต้องหา 7 คน
ส่วนผลจากการสืบสวนสอบสวนพบว่า ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุมผู้ต้องหารายย่อยที่ จ.นครปฐม ที่จัดอยู่ในกลุ่มผู้เสพเมื่อช่วงกลางเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา จึงได้ทำการขยายผลพบว่า กลุ่มผู้เสพได้มีการสั่งยาและมีการโอนเงิน จาก 1 ใน 5 ผู้ต้องหา ทำให้ทราบว่ามีเส้นเงินไปยังหมอแอร์

นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เผยว่า คำสั่งซื้อยาวัตถุประเภท 2 ผู้สามารถสั่งซื้อได้จะต้องเป็นบุคลากรทางการแพทย์ และจะต้องได้รับอนุญาตจากทาง อย. เพราะยาประเภทนี้ อย.เป็นผู้ดูแลแต่เพียงผู้เดียวมีอำนาจในการจ่ายยา
สำหรับจำนวนการสั่งซื้อจะต้องทำเรื่องขอซื้อหรือเบิกจ่ายยามาก่อน จากนั้นทาง อย.จะพิจารณาจำหน่ายยาออกไปตามความเหมาะสม อย.จะจำกัดจำนวนตัวยาแต่ละประเภทเป็นต่อปี เช่น Alprazolam 120 กรัมต่อปี , Zolpidem 110 ต่อปี และ Flunitrazepam 150 กรัมต่อปี แต่หากกรณีพบผู้ป่วยที่มีความจำเป็นจะต้องใช้ยาเหล่านี้ แพทย์ก็จะพิจารณาในการจำหน่ายยาให้เป็นพิเศษ

ส่วนกรณีของ หมอแอร์ อย.พบความผิดปกติตั้งแต่ช่วงกลางปี 2567 โดยตั้งแต่ปี 2565 พบ 5 คลินิกที่ได้มีการสั่งซื้อยายอดการสั่งซื้อยาจำนวน 1 ล้านบาท ต่อมา ปี 2566 เพิ่มเป็น 7 คลินิก ได้เริ่มเพิ่มจำนวนยาเป็นเงินมูลค่า 4 ล้านบาท ปี 2567 เพิ่มเป็น 11 คลินิก มูลค่า 11 ล้านบาท และปี 2568 ได้เพิ่มจำนวนคลินิกเป็น 12 แห่ง มีการสั่งซื้อยาเพิ่มมากขึ้นประมาณมูลค่า 7-8 ล้านบาท ปริมาณเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆ จนผิดสังเกต

ส่วนกรณีที่พบว่ามีผู้เสียชีวิตมาสวมเป็นบุคคลเพื่อขอเบิกยาประเภท 2 ออกไปนั้น นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบพบว่ามีรายชื่อผู้เสียชีวิตตั้งแต่ ปี 2541 มาปรากฏเป็นบุคคลที่มาสวมเบิกยาวัตถุออกฤทธิ์กับคลินิก ล่าสุดได้ทำการตรวจสอบภายใน 2 เดือนย้อนหลังพบว่า มีรายชื่อผู้เสียชีวิต 370 คน หลังจากนี้ จะต้องให้ที่ตำรวจได้ทำการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดก่อน สวนทางกระทรวงสาธารณสุข และ อย.จะเป็นผู้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดในการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

ส่วนการดำเนินการเอาผิดทางวินัยกับหมอแอร์นั้น ขณะนี้ได้ประสานกับทางแพทยสภาในการพิจารณา เนื่องจากเป็นความผิดซึ่งหน้าสามารถเอาผิดได้เลย ต่างจากคดีของโรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 ที่จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด
อ่านข่าว :
รพ.ตำรวจ ตั้ง กก.สอบวินัยร้ายแรง ให้ "หมอแอร์" ออกราชการไว้ก่อน
"ธนกฤต" ชี้ "หมอแอร์" สวมชื่อผู้เสียชีวิต 370 คนรับยาควบคุม จ่อตรวจ 11 คลินิก