ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

จับแก๊งคอลเซนเตอร์ "ออสเตรเลีย" ตั้งฐานในไทยลวงลงทุน

อาชญากรรม
17:03
2,070
จับแก๊งคอลเซนเตอร์ "ออสเตรเลีย" ตั้งฐานในไทยลวงลงทุน
อ่านให้ฟัง
03:23อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ตำรวจสอบสวนกลางทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ต่างชาติ ใช้ไทยเป็นฐานปฏิบัติการหลอกชาวออสเตรเลียร่วมลงทุนกว่า 14,000 คน โดยจับผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 13 คน

วันนี้ (17 มิ.ย.2568) ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย บุกตรวจค้นบ้านพักหลังใหญ่แห่งหนึ่งใน ต.บางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ หลังพบเบาะแสว่าเป็นแหล่งปฏิบัติการของกลุ่มขบวนการคอลเซนเตอร์ต่างชาติ

ผลการตรวจค้นในบ้านพบชาวต่างชาติรวม 13 คน แยกเป็นชาวอังกฤษ 6 คน, ออสเตรเลีย 5 คน, แคนาดา 1 คนและแอฟริกาใต้ 1 คน ภายในบ้านเต็มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายรายการ เช่น คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค มือถือ มีอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ไปจนถึงบทสนทนาที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการชักชวนให้ร่วมลงทุนต่างๆ

นอกจากนี้ยังมีการขึ้นข้อความบันทึกบนกระดาน คล้ายเป็นตัวเลขสรุปยอดเงิน มีนาฬิกาแขวนหลายเรือที่บอกเวลาของแต่ละประเทศรอบโลก

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลียประสานแจ้งข้อมูลว่ามีกลุ่มขบวนการเข้ามา เมื่อเดือน พ.ค.2567 จากกนั้นได้ร่วมกันสืบสวนติดตามกลุ่มขบวนการจนพบว่ามีการตั้งฐานกระทำความผิดในไทย จึงได้ขอหมายค้นเข้าตรวจสอบเป้าหมายเมื่อวันที่ 16 มิ.ย.ที่ผ่านมาซึ่งในจำนวนผู้ต้องหา มี 2 คนที่เป็นระดับหัวหน้า

เจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจสหพันธรัฐออสเตรเลีย ให้ข้อมูลว่า ขบวนการนี้หลอกลวงประชาชนในออสเตรเลีย ซึ่งได้ย้ายถิ่นฐานเข้ามาในประเทศไทย กลลวงที่ใช้หลอกลวงชาวออสเตรเลียคือการหลอกให้ร่วมลงทุนพันธบัตร โดยอ้างถึงผลตอบแทนสูงและกำหนดระยะเวลาในการคืนทุนเป็นเวลาประมาณ 1-3 ปี ให้ผลตอบแทนแบบคงที่ร้อยละ 7-10 ต่อปี ซึ่งมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก

เจ้าหน้าที่พบเอกสารรายชื่อผู้ที่ถูกหลอกเป็นชาวออสเตรเลียทั้งหมดรวม 14,000 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือคิดเป็นเงินกว่า 42 ล้านบาท

ผู้ต้องหาทั้ง 13 คนถูกดำเนินคดี "ร่วมกันเป็นสมาชิกของคณะบุคคล ซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย หรือ อั้งยี่, เป็นคนต่างด้าวซึ่งได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว ประกอบอาชีพหรือรับจ้างทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต และเป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน"

หลังการพิจารณาโทษในไทยแล้ว จะส่งตัวกลับประเทศต้นทางและขึ้นทะเบียนบัญชีดำ เป็นบุคคต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร แต่จากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้นให้การปฏิเสธ พร้อมอ้างว่ารับจ้างทำงานโทรชักชวนให้ร่วมลงทุนกับบริษัท และได้รับเงินตอบแทนเป็นเงินเดือนพร้อมค่าคอมมิชชัน

อ่านข่าว

ผบช.ภ.1 เผยเงิน 12 ล้านเป็นของ "ทวีวัฒน์" เร่งสอบที่มา-เส้นทางเงิน

ร้องแพทยสภาสอบ 4 หมอสงสัยปลอมเวชระเบียนเอื้อรับมรดก

เคาะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ใน กทม. 400 บาท มีผล 1 ก.ค.68