ในแต่ละวัน ครูไม่ได้มีแค่ "ชั่วโมงสอน" แต่ยังต้องทำภารกิจอื่นอีกมากมาย เกือบทุกปี มักมีข่าวสะท้อน "ภาระงานครู" ที่เกินกว่าหน้าที่หลักอย่าง "การสอน" จากการพูดคุยกับครูหลายโรงเรียน ภาพจึงที่ชัดเจนขึ้นว่า "ครูไทย" ทำงานหลายหน้าที่ ในเวลาที่มีเท่าเดิม แล้วครูต้องทำอะไรอีกบ้าง
ไทยพีบีเอสออนไลน์ ชวนครูสะท้อนการทำงานในโรงเรียน บทบาท "ครู" กับสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ เริ่มที่ครูประถม "ครูกัน" บอกเล่าภารกิจของตนเองใน 1 วัน พร้อมสะท้อนมุมมองของครูในปัจจุบัน
ชีวิตในรั้วโรงเรียน เมื่อหน้าที่ไม่สิ้นสุดแค่ในห้องเรียน
กรรณิการ์ หรือที่เด็กๆ เรียกกันว่า "ครูกัน" คือหนึ่งใน "ครู" ผู้เบื้องหลังความสำเร็จของนักเรียน มาแล้วหลายรุ่น เธออยู่ในวงการศึกษา มานานกว่า 15 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 ที่เธอได้ทำหน้าที่ครู
ปัจจุบัน ครูกันในวัย 40 ปี ยังเดินทางอยู่บนเส้นทางเดิม แม้ชีวิตส่วนตัวจะต้องรับบทแม่ของลูก 2 คน โดยมีลูกวัย 3 ขวบ 1 คน และวัยประถม 11 ขวบอีกคน ทำให้ต้องเริ่มวันใหม่ตั้งแต่ตีห้า เพื่อเตรียมอาหารเช้าให้ลูกในฐานะแม่ ก่อนจะเปลี่ยนบทบาทเป็น "ครู" เต็มตัว เมื่อถึงโรงเรียนตั้งแต่ก่อน 07.00 น. ของทุกวัน
หน้าที่ของครูไม่ได้เริ่มต้นเมื่อทำหน้าที่สอนหนังสือเท่านั้น ครูกัน ยังเล่าถึงกิจกรรมประจำวันที่เริ่มต้นด้วยการติวเข้มให้นักเรียนที่เตรียมแข่งขันทักษะวิชาการช่วง 07.00-08.00 น. ซึ่งเธอรับผิดชอบในวิชาภาษาอังกฤษ แต่ละวันครูผู้สอนแต่ละคนจะรับผิดชอบเด็กในรายวิชาของตน ซึ่งโรงเรียนเน้นส่งเสริมศักยภาพเด็ก
"ชีวิตครูไม่ได้มีแค่ในห้องเรียน" ครูกันพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น "แต่มันคือการอยู่เคียงข้างเด็กตั้งแต่เช้าจรดเย็น เป็นทั้งครู และที่ปรึกษาในเวลาเดียวกัน"
หากวันไหนต้องทำหน้าที่ "ครูเวรประจำวัน" ภารกิจก็จะเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ที่หน้าโรงเรียน เพื่อดูแลความปลอดภัยของนักเรียนตั้งแต่ก้าวแรกที่ลงจากรถ แม้พ้นจากจุดรับ-ส่ง หน้าที่ก็ยังไม่สิ้นสุด เพราะเมื่อถึงช่วงกลางวันครูก็ยังต้องช่วยตักอาหารกลางวันให้เด็ก และในบางวันต้องสวมบทเป็นพยาบาลจำเป็นเมื่อเด็กเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งแทบจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของแต่ละวัน
โรงเรียนที่เธอสอนเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ในสังกัดเทศบาล มีนักเรียนกว่า 2,400 คน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงประถมปีที่ 6 เฉพาะแต่ละสายชั้นก็มีนักเรียนราว 350 คน ขณะที่ครูประจำการมีเพียง 11-13 คนต่อสายชั้น และเมื่อรวมครูพิเศษ อาจเพิ่มเป็น 15-16 คน แต่ละห้องสอนเด็กราว 40 คน

เลิกเรียนไม่ใช่เลิกงาน หน้าที่ครูยังเดินต่อ
ครูกัน บอกว่าแม้จะสิ้นเสียงกริ่งเลิกเรียนในเวลา 16.00 น. แต่หน้าที่ของครูยังไม่จบ หลายวันต้องอยู่ต่อถึง 1 ทุ่มหรือบางวันถึง 2 ทุ่มก็มี โดยเฉพาะช่วงที่จะมีการสอบแข่งขันงานเร่งด่วนจะถาโถมเข้ามา บางเดือนแทบไม่มีวันว่าง ยังไม่รวมหน้าที่เวรเย็นที่ต้องอยู่โรงเรียนจนกว่าเด็กคนสุดท้ายจะได้กลับบ้าน
ไม่เพียงแค่งานสอนในห้องเรียน แต่ยังรวมถึงเอกสารราชการ งานโครงการ กิจกรรมโรงเรียนและการติวนักเรียน ในวันหยุดเสาร์ - อาทิตย์กลายเป็น "วันทำงาน" ทั้งกิจกรรมเสริมทักษะ เตรียมงานแข่งขันกีฬา หรือแม้แต่กิจกรรมโรงเรียนอื่น ๆ
กลางคืนคือเวลาเตรียมสอน สอนการบ้านลูก
หลายคืน ครูกันต้องเตรียมบทเรียน ตรวจการบ้าน ออกข้อสอบ จัดการเอกสารสอบซึ่งทำเองทุกขั้นตอน ความเป็นครูในวันนี้จึงมาพร้อมกับความท้าทายที่ไม่ใช่แค่ภาระงานล้นมือ แต่ยังหมายถึง "การเสียสละ" เวลาส่วนตัว เวลาครอบครัว แม้กระทั่งเวลาพักผ่อน
วันหยุดยาว ปิดเทอม หรือโอกาสพักผ่อน กลายเป็นสิ่งหายาก เพราะครูหลายคนต้องใช้ช่วงเวลาดังกล่าวเพื่อเตรียมการสอนใหม่ วางแผนกิจกรรม หรือทำรายงานต่าง ๆ โอกาสพาครอบครัวไปเที่ยวในสถานที่ต่าง ๆ ก็น้อยลง
ครูกัน ยังกล่าวว่า การเป็นครูสมัยนี้ ไม่ได้สอนแค่หนังสือ แต่ต้องอยู่กับเด็กในทุกบทบาท เป็นคนฟัง เป็นผู้ปลอบ และเป็นกำลังใจ ให้เด็กนักเรียนทุกคน ภายใต้ความกดดันจากระบบ การบริหาร และจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น ครูยังคงต้องทำหน้าที่ด้วยใจ เพราะรู้ดีว่าบทบาทของครู ไม่ได้จบแค่ในห้องเรียน แต่เป็นจุดเริ่มต้นของอนาคตของเด็กนักเรียนทุกคน
ในสายตาของใครหลายคน "ครู" คือผู้ถ่ายทอดความรู้ แต่สำหรับครูจำนวนไม่น้อย บทบาทของตนเองนั้นมากกว่านั้น เพราะครูไม่ได้เป็นแค่ผู้สอน แต่ยังเป็นเป็นที่พึ่ง ครูหลายคนยึดมั่นในความเชื่อว่า เด็กนักเรียนคือ "ลูก" ที่ต้องดูแลด้วยความรักและหวังดีไม่ต่างจากลูกของตัวเอง ความปรารถนาลึก ๆ ของครู คือ ต้องการเห็นเด็กทุกคนเติบโตเป็นคนดี มีอนาคตที่มั่นคง เหมือนที่พ่อแม่คนหนึ่งคาดหวังกับลูกของตัวเอง
ครูกัน กล่าวว่า ในห้องเรียนเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันพื้นฐานชีวิตแตกต่าง พฤติกรรมก็หลากหลาย ครูจึงต้องใช้ "ใจ" มากกว่าทฤษฎีโดยต้องเข้าใจให้ลึกกว่าที่เห็น หลายคนบอกว่า การมีลูกของตัวเองช่วยให้เข้าใจเด็กนักเรียนมากขึ้น เพราะได้สัมผัสกับพฤติกรรมตามวัยใกล้ชิด และรู้ว่าเด็กไม่ได้ต้องการแค่การสอน แต่ต้องการ "ความเข้าใจ" จากผู้ใหญ่ที่มองเห็นหัวใจของเขา
ครูไม่ได้พูดเก่งเสมอไป แต่พยายามสื่อสารด้วยความจริงใจ และเป็นแบบอย่างให้ดู

ครูกัน กล่าวว่า คนดีมีความรับผิดชอบสำคัญกว่าความเก่ง ครูทุกคนต่างคาดหวังให้นักเรียนเป็นคนดีและประสบความสำเร็จ แม้ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แต่สิ่งสำคัญคือ ความรับผิดชอบและคุณธรรมพื้นฐาน เพราะเชื่อว่าหากเด็กมี 2 สิ่งนี้ อนาคตของพวกเขาย่อมดีแน่นอน นอกจากนี้ การเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิต (ทักษะชีวิต) ก็เป็นสิ่งจำเป็น เด็กเก่งบางคนอาจไม่มี
ขณะที่โลกเต็มไปด้วยการแข่งขัน แรงกดดันจากผู้ปกครองที่มีต่อเด็กก็มีมากขึ้น จนเด็กบางคนเครียด ผู้ปกครองบางคนอยากให้ลูกเป็นที่หนึ่ง บางคนถึงกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ กลัวเรียนไม่ทันเพื่อน หรือกลัวสอบไม่ได้ นี่คือสิ่งที่เคยเห็น
นอกจากนี้ หลายคนยังตัดสินใจและคิดแทนลูกตลอดเวลา ทำให้ลูกไม่มีโอกาสคิดหรือตัดสินใจเอง บางครั้งครูต้องกลายเป็น "จิตแพทย์" ที่ต้องรับมือกับความเครียดของเด็ก และบ่อยครั้งผู้ปกครองก็โทษครู ก็ทำให้ครูเครียดเหมือนกัน

ภาพประกอบข่าว
ภาพประกอบข่าว
พ่อแม่ยังคงเป็นหัวใจหลักของการเลี้ยงดู และครูคือผู้เสริม
ครูกัน กล่าวว่า ในทุกปัญหาที่เกี่ยวกับเด็ก ครูตระหนักเสมอว่า ความร่วมมือจากครอบครัวคือสิ่งสำคัญที่สุดเพราะสิ่งที่เด็กต้องการจริง ๆ ไม่ใช่สิ่งของราคาแพง แต่คือ "เวลา" และ "ความใส่ใจ" จากพ่อแม่ เด็กหลายคนแค่อยากให้พ่อแม่มานั่งเล่นด้วย มาสนใจสิ่งที่เขาทำหรือแม้แต่แค่กอดกันในวันที่เหนื่อยล้า
อยากให้เด็กทุกคนมีคนอยู่ข้าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นครู หรือพ่อแม่ เพราะบางครั้ง ความเข้าใจเล็ก ๆ ก็เปลี่ยนชีวิตเด็กคนหนึ่งได้เลย
บทบาทของครูในวันนี้ จึงไม่ใช่แค่การให้ความรู้ แต่คือการเข้าไปอยู่ในหัวใจของเด็ก เป็นผู้ฟังที่ไม่ตัดสิน เป็นผู้ใหญ่ที่พร้อมเข้าใจ และเป็นแบบอย่างของความอดทน อ่อนโยน และไม่ทอดทิ้ง
ภารกิจหลากหลาย ที่มากกว่าแค่การสอนหนังสือ
ครูกัน เล่าว่า ครูต้องเผชิญกับภาระงานที่หนักและหลากหลาย ยกตัวอย่างของตัวเองที่มีทั้งงานเอกสาร ที่บ้างครั้งก็มากจนครูแทบไม่ได้สอนเด็ก บางครั้งเอกสารที่ทำก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสอนเด็กโดยตรง เช่น การทำเพื่อประเมินโรงเรียนหรือเพื่อขอตำแหน่งครู ครูต้องพาเด็กไปทัศนศึกษา ซึ่งต้องรับผิดชอบดูแลความปลอดภัย 100%
การแข่งขัน โรงเรียนมีกิจกรรมและงานแข่งขันทักษะวิชาการ กีฬา ที่ต้องทำทุกงานและต้องทำให้ดี ครูต้องทุ่มเทอย่างมากในการเตรียมเด็กสำหรับการแข่งขัน บางครั้งต้องนอนดึกหรือไม่ได้นอน ครูบางคนต้องยืนเวรตั้งแต่เช้าตรู่ ครูต้องรับผิดชอบดูแลเด็กนักเรียน
นอกจากนี้ ยังต้องทำงานพิเศษเพื่อหารายได้เสริม เนื่องจากรายได้หลักไม่เพียงพอ ในบางครั้งก็คิดกับตนเองว่า ที่ทำอยู่เหมือนเลี้ยงลูกเขา โดยที่ไม่ได้เลี้ยงลูกของตนเอง บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยล้า และกดดัน จนอยากลาออก แต่ครูหลายคนก็ยังคงทุ่มเททำงาน "เพื่อลูกศิษย์" โดยเชื่อว่า ความสำเร็จที่ได้มาเป็นของนักเรียน ไม่ใช่ของครู
อาชีพครูในปัจจุบันเป็นอาชีพที่ต้องเผชิญกับ ความกดดันสูง ภาระงานหนัก และการเสียสละส่วนตัวอย่างมาก แม้จะมีความเหนื่อยล้า แต่ยังคงมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ให้เต็มที่ นั้นเพื่อบ่มเพาะนักเรียนให้เป็นคนดีมีคุณภาพ และเพื่อไม่ให้ตนเองรู่สึกเครียดเกินไป จึงมักจะโฟกัสไปที่ความสุขเมื่อมีเวลาว่าง เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในอาชีพนี้ได้ ครูกันกล่าวทิ้งท้าย
ชีวิตและเส้นทางสายครู 37 ปี แห่งความผูกพันและการเรียนรู้
แม้ว่าจะอายุครบ 60 ปี จนต้องเกษียณอายุราชการ แต่อาชีพครูยังไม่จบแม้จะเกษียณอายุราชการ "ครูยา" น.ส.สุกันยา อายุ 62 ปี ซึ่งรับราชการมา 37 ปีก็ยังคงทำหน้าที่สั่งสอนและให้ความรู้ ตอนนี้อาจไม่ใช่นักเรียน แต่ยังเป็นคนทั่วไป ที่ "ครูญา" ให้ความรู้ในการปลูกผักทำสวน
ชีวิตการเป็นครู ไม่ได้มีแค่บทบาทของผู้สอน แต่ยังเต็มไปด้วยความรัก ความทุ่มเท และเรื่องราวของการเรียนรู้ร่วมกับเด็ก
ครูยาเล่าย้อนถึงวันแรกของการก้าวเข้าสู่อาชีพว่าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความสุข สอบบรรจุได้ตอนอายุ 23 ปี เริ่มต้นการสอนวิชาสังคมศึกษา โดยเฉพาะ "ภูมิศาสตร์ประเทศไทย" เน้นการใช้แผนที่ ลูกโลก และหนังสือเรียนเป็นหลัก
การสอนคือการให้ทั้งหมดแก่เด็ก ให้เขาอยู่ในใจเรา และเราอยู่ในใจเขา
ครูยา มองว่า สมัยนั้นเด็ก ๆ มีวินัย เรียบร้อยกว่าในปัจจุบัน และแม้จะมีการใช้ไม้เรียว แต่ก็ใช้ภายใต้เหตุผลและความเมตตา เธอดูแลเด็กนักเรียนกว่า 40 คน ด้วยหัวใจ

โรงเรียนใหญ่กับโรงเรียนเล็ก ความท้าทายที่ต่างกัน
ครูยาเคยสอนทั้งในโรงเรียนขนาดใหญ่ที่มีระบบชัดเจน รับผิดชอบเฉพาะวิชาเดียว กับโรงเรียนขนาดเล็กที่ครูต้องทำหน้าที่หลากหลาย เธอเคยต้องสอนมากถึง 7 วิชา ตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.6 เปลี่ยนบทบาททั้งวัน ตั้งแต่สอนหนังสือ ทำสวน ทำแผนการสอน พาเด็กไปแข่งขันตอบปัญหา และรับผิดชอบงานบริหารหลายตำแหน่ง ช่วงที่หนักที่สุดคือการทำหน้าที่รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียน ก่อนเกษียณ
ศิษย์เก่าหลายคนของเธอเติบโตอย่างภาคภูมิ บางคนเป็นพยาบาล บางคนกลายเป็นครูรุ่นใหม่ แต่แม้จะไม่ได้ทำในตำแหน่งหน้าที่ใหญ่โต แต่ครูก็ภูมิใจกับนักเรียนของครูทุกคน
แม้จะเกษียณแล้ว แต่ครูญายอมรับว่า เทคโนโลยีในยุคใหม่เปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ไปมาก เด็กสมัยนี้ค้นคว้าเร็ว รู้ทันครู และบางครั้งก็เป็นฝ่ายสอนครู ครูญาเชื่อว่า เทคโนโลยีช่วยเสริมทักษะการคิดวิเคราะห์และตั้งคำถามได้ดี แต่การเรียนรู้ที่ดีที่สุดยังคงอยู่ที่ "การลงมือทำจริง" โดยเฉพาะกิจกรรมที่ให้เด็กได้สัมผัสกับโลกนอกตำรา
หลังเกษียณได้ 2 ปี ครูยาหันมาใช้ชีวิตเรียบง่าย ปลูกผัก เลี้ยงหลาน แม้จะยังคิดถึงโรงเรียนและชีวิตครูบ้าง แต่เธอมีความสุขกับเส้นทางที่ผ่านมา และยิ้มได้ทุกครั้งที่เห็นลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ
แม้วันนี้จะเกษียณแล้ว แต่หัวใจครูไม่เคยเกษียณแน่นอน

นี้เป็นเพียงแค่ 2 มุมมองจาก "ครู" แต่ละโรงเรียนอาจมีระบบการจัดการในการบริหารที่แตกต่างกัน ขณะที่การจัดระบบการศึกษาในภาพใหญ่ก็พยามยามปรับลด ภาระให้ครูได้มีเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม มองว่าในอนาคต ครูจะได้รับการใส่ใจที่มากกว่านี้
นี่อาจเป็นเพียง 2 มุมมองจากครูในบางโรงเรียน ซึ่งแต่ละแห่งอาจมีระบบบริหารจัดการที่แตกต่างกัน ขณะเดียวกัน ระบบการศึกษาในภาพรวมก็พยายามปรับลดภาระงาน เพื่อให้ครูมีเวลาทุ่มเทกับการสอนได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีความหวังว่าในอนาคต ครูจะได้รับการดูแลและใส่ใจมากกว่านี้
ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการ กพฐ. กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า ครู คือ หัวใจของการศึกษา ไม่ใช่แค่ผู้ปฏิบัติงาน เราต้องดูแลครูให้ดีเท่าที่ครูดูแลเด็ก เพราะการมี "ครูดี" ไม่ใช่เรื่องง่าย สพฐ. จะยกระดับสวัสดิภาพครูให้เป็นวาระสำคัญ เพื่อให้ทั้งครูและเด็ก "เรียนดี มีความสุข" ได้จริงในทุกพื้นที่
อ่านข่าว : เปิดปฏิทินกรกฎาคม 2568 หยุด 4 วันรวด ตรงกับวันไหนบ้าง
แท็กที่เกี่ยวข้อง: