กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า หรือ กอ.รมน.ภาค 4 สน. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา จับกุมผู้ก่อเหตุ 2 คน คือ นายมูหามะ และนายสุไลมาน ชาวจังหวัดปัตตานี พร้อมวัตถุระเบิดแสวงเครื่องจำนวนหนึ่งได้ที่บริเวณแยกบายพาสหน้าศาลากลางจังหวัดพังงา เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2568 เวลา 03.30 น.
ต่อมาตำรวจภูธรภาค 8 ได้ส่งตัวทั้ง 2 คน ให้แก่ตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อดำเนินการซักถามขยายผล เนื่องจากพฤติการณ์มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
จากการพิจารณาประกอบผลการซักถาม สรุปได้ว่า วัตถุระเบิดที่ตรวจยึดได้พร้อมกับผู้ก่อเหตุ มีวงจรระเบิดซึ่งปรากฏการใช้งานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มาแล้วหลายครั้ง จึงพิจารณาได้ว่าการก่อเหตุในครั้งนี้เป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการ BRN โดยทำการประกอบระเบิดขนาดเล็ก จากนั้นทยอยลำเลียงเข้าพื้นที่ผ่านเส้นทางหลักและเส้นทางรองตามปกติ โดยใช้แนวร่วมซึ่งไม่มีประวัติ หรือไม่มีหมายจับ เพื่อให้ง่ายต่อการผ่านจุดตรวจตามเส้นทาง
นอกจากนี้ จากการซักถามเพิ่มเติมทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุได้เดินทางเข้า-ออกระหว่างประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อประชุมวางแผนและรับคำสั่งในการก่อเหตุ จำนวน 3 ครั้ง ดังนี้ วันที่ 18-19 ธ.ค.2567, วันที่ 13-14 ม.ค.2568 และวันที่ 23-24 เม.ย.2568 โดยมีนายเตาฟิต และนายไซฟุดดิน เป็นผู้สั่งการ และมีผู้ให้การสนับสนุน จำนวน 14 คน แบ่งเป็นผู้ซื้อและสั่งรถลงมาจากกรุงเทพมหานคร จำนวน 3 คน, ผู้รับรถที่จัดซื้อ จำนวน 5 คน, ผู้ส่งรถให้ผู้ก่อเหตุ จำนวน 4 คน และผู้ขับรถรับ -ส่ง ผู้ก่อเหตุ จำนวน 2 คน

จากผลการซักถาม จุดที่วางระเบิด จำนวน 11 จุด มีระเบิดทั้งหมดรวม 15 ลูก แบ่งเป็นกระบี่ 4 จุด จำนวน 5 ลูก, พังงา 1 จุด จำนวน 1 ลูก, ภูเก็ต 6 จุด จำนวน 6 ลูก และของกลาง 1 ลูก ขณะจับกุมผู้ก่อเหตุ
ปัจจุบันเก็บกู้ได้ทั้งหมด และจับกุมได้ 5 คน เป็นผู้ก่อเหตุ 2 คน ผู้ให้การสนับสนุน 3 คน
ทั้งนี้ ผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ แบ่งเป็นผู้สั่งการ 2 คน ผู้สนับสนุน 14 คน และผู้ก่อเหตุ 4 คน ล่าสุดจับกุมได้แล้ว คน 5 คน
สำหรับแรงจูงใจในการก่อเหตุนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คาดว่ากลุ่มขบวนการ BRN พยายามกดดันรัฐบาลให้เข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการเจรจา ซึ่งการก่อเหตุนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังเป็นยุทธศาสตร์หลักที่สำคัญของขบวนการ BRN โดยที่ผ่านมาได้เคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง และจากวัตถุพยานที่ตรวจยึดได้ พิจารณาได้ว่าการกระทำในครั้งนี้ ไม่ได้มุ่งให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เนื่องจากเป็นระเบิดขนาดเล็ก อานุภาพการทำลายไม่ร้ายแรง และไม่มีชิ้นส่วนสังหาร โดยมุ่งหวังเพียงสื่อภาพความรุนแรงออกสู่สาธารณชนเท่านั้น เนื่องจากมุ่งเน้นวางระเบิดในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว สนามบิน และสถานที่เชิงสัญลักษณ์ เช่น หน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา
ขณะที่ พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยปฏิบัติตามแผนสกัดกั้นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงก่อเหตุนอกพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และกรุงเทพมหานคร โดยมีแนวทางแบ่งพื้นที่ปฏิบัติออกเป็นพื้นที่ตามแนวชายแดน, พื้นที่รักษาความมั่นคงภายใน
อ่านข่าว : สกัดจับ 2 ชายซุกวัตถุต้องสงสัย ขับรถมุ่งหน้าภูเก็ต
ตร.เข้มเข้าเมืองภูเก็ต หลังพบวัตถุต้องสงสัยหลายชนิด
ผู้ว่าฯ ยืนยัน "กระบี่" ปลอดภัย ยกระดับคุมเข้มหลังพบวัตถุต้องสงสัย