"ชูศักดิ์" ลั่นศาลยังไม่ชี้ขาด "แพทองธาร" นั่ง รมว.วัฒนธรรมได้

"ชูศักดิ์" แกนนำพรรคเพื่อไทย ชี้นายกฯ แพทองธารยังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะวินิจฉัยเป็นอื่น พร้อมระบุสามารถทำหน้าที่ รมว.วัฒนธรรมได้

วันนี้ (2 ก.ค.2568) นายชูศักดิ์ ศิรินิล แกนนำพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์รายการ "มุมการเมือง" ไทยพีบีเอส ถึงแนงทางการต่อสู้คดีถอดถอนนายกฯ แพทองธาร รวมถึงกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่า น.ส.แพทองธาร สามารถทำหน้าที่ "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม" ต่อไปได้หรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ซึ่งมีบางฝ่ายมองว่ารัฐธรรมนูญตรา 160 (4) ผูกโยงกับตำหน่งรัฐมนตรีด้วย

นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เถียงว่าคุณสมบัติรัฐมนตรีกับคุณสมบัตินายกฯ เป็นอันเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความซื่อสัตย์และจริยธรรม แต่คำถามของตนในประเด็นนี้คือ ปัจจุบันยังไม่มีคำวินิจฉัยของศาลว่านายกฯ แพทองธาร ขาดคุณสมบัติ หรือมีพฤติกรรมเข้าข่ายต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ขณะนี้เพียงรับคำร้องและหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ความเห็นตนจึงต่างออกไปว่า หากไปตีความแบบนั้น เท่ากับไปสรุปว่านายกฯ ผิดไปแล้ว ซึ่งไม่ใช่

อีกประเด็นที่ศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ เป็นการหยุดหน้าที่นายกรัฐมนตรี ไม่ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตำแหน่งอื่น เหมือนก่อนหน้านี้ที่ศาลสั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ แปลว่า พ.ต.อ.ทวี ยังทำหน้าที่อย่างอื่นได้

ปัญหาแบบนี้เป็นปัญหากฎหมายที่เคยเกิดขึ้น ต้องตีความว่านายกรัฐมนตรียังเป็นผู้บริสุทธิ์ ยังไม่ผิดอะไรจนกว่าศาลจะวินิจฉัยเป็นอื่น

หากมีผู้เห็นต่างไปยื่นตีความอีกจะมีปัญหาภายหลังหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า นึกไม่ออกว่าจะยื่นกันแบบไหน เรื่องนี้เป็นเรื่องคุณสมบัติ ต้องไปดูว่าจะทำอย่างไร แต่ตนมองไม่เห็นทาง

เมื่อถามว่า ศาลรับคำร้องเป็นเอกฉันท์และมีมติเสียงข้างมากให้ น.ส.แพทองธาร หยุดทำหน้าที่ ซึ่งตุลาการศาลฯ เห็นไปในทิศทางเดียวกันแบบนี้ ในมุมของผู้ที่จะต้องสู้คดี มีอะไรที่น่ากังวลหรือไม่ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ตนเคยยกประเด็นว่า การเขียนกฎหมายทั้งหลายจุดสำคัญคือความชัดเจนแน่นอนของกฎหมาย อย่างที่เคยถกเถียงกันว่าแบบไหนคือซื่อสัตย์ แบบไหนคือฝ่าฝืนจริยธรรม ไม่มีเกณฑ์วัดที่แน่นอน ฉะนั้นกลายเป็นศาลต้องใช้ดุลยพินิจ

ผมเห็นด้วยกับตุลาการศาลฯ เสียงข้างน้อยที่บอกว่าข้อเท็จจริงไม่ชัดเจน ซึ่งตนยืนในทางนี้มาตลอด เพราะยังไม่เห็นพฤติกรรมอะไรที่ฝ่าฝืนจริยธรรม นายกฯ ได้ชี้แจงชัดเจนในการกระทำไปแล้ว ประเทศไม่ได้สูญเสียอะไร ดุลยภาพแห่งดินแดนยังมีอยู่ สายทหารก็เข้มข้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ

กรณีศาลรับเป็นเอกฉันท์จะมองได้หรือไม่ว่ามีปมที่ศาลมองว่าคำร้องมีประเด็น นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ท้ายที่สุดต้องดูว่าศาลใช้มาตรฐานอะไร เช่น ถ้าคนร้องทำตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดไว้ หรือมีพฤติกรรมตามที่บรรยาย แต่ดูแล้วตนยังไม่เห็นว่านายกฯ ทำอะไรที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยได้ประเมินฉากทัศน์หลังจากนี้ว่าคดีจะเดินไปถึงจุดไหน รวมถึงกรณีเลวร้ายที่สุด เพราะมีคนพูดถึงขั้นยุบสภาหรืออาจเจอทางตันทางการเมือง นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยไปถึงขั้นนั้น พยายามพูดเรื่องคดีเป็นหลักก่อน และควรทุ่มเทไปกับการชี้แจงทำความเข้าใจต่อศาลว่าพฤติกรรมที่ถูกกล่าวหาไม่เข้าข่าย ไม่ควรพ้นจากตำแหน่งเพราะอะไร ส่วนเรื่องของอนาคตต้องพูดคุยกันใหม่

ส่วนกรณีที่เลวร้ายที่สุดหากหลุดจากนายกฯ แพทองธารไป แคนดิเดตคนต่อไปยังต้องเป็น "ชัยเกษม นิติสิริ" หรือจะปล่อยไปพรรคอื่นนั้น นายชูศักดิ์ ย้ำว่า เบื้องต้นไม่ได้คุยกันถึงขนาดนั้นและยังไม่อยากคาดการณ์ไปขนาดนั้นเช่นกัน แต่ในความรู้สึกนึกคิดก็ต้องมองสถานการณ์หลายฉากไว้ เพราะเป็นเรื่องทางการเมือง เป็นเรื่องคณะบุคคลที่มารวมตัวกัน จะให้ความเห็นโดยลำพังไม่ได้ ต้องพูดคุยกัน