เมื่อวันที่ 5 ก.ค.2568 โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ เผยแพร่ข้อมูลว่า ศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงวางพระนโยบายการวิจัย และผลิตยารักษาโรคมะเร็งอย่างรอบคอบ ทรงให้ความสำคัญต่อการดูแลผู้ป่วยในทุกมิติ รวมถึงการพัฒนายารักษาโรคมะเร็งชนิดมุ่งเป้าที่ยับยั้งการทำงานของ เอนไซม์ไทโรซีนไคเนส (Tyrosine Kinase Inhibitors) ที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้รักษาโรคมะเร็งได้หลากหลายชนิด ให้ผลการรักษาดี มีอาการข้างเคียงต่ำ เป็นที่ยอมรับจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งวิทยา โดยยาเม็ดรักษาโรคมะเร็งชนิดมุ่งเป้าตำรับแรกที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย คือ อิมครานิบ 100 / IMCRANIB 100 ซึ่งประกอบด้วยตัวยาสำคัญอิมาทินิบ (IMATINIB) 100 มิลลิกรัม โดยได้รับการขึ้นทะเบียนตำรับยาจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2568 และพร้อมสำหรับการนำไปใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยมะเร็ง

ภาพ : โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ภาพ : โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
สำหรับ "ยาอิมครานิบ 100" คือ ยารักษาแบบมุ่งเป้า ที่ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ Tyrosine kinase ที่สามารถยับยั้งการเติบโตและการกระจายของเซลล์มะเร็ง ทำให้สามารถควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลข้างเคียงเมื่อเทียบกับเคมีบำบัดแบบเดิม ซึ่งสามารถใช้รักษาโรคมะเร็งได้หลายประเภท เช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเรื้อรังชนิดซีเอ็มแอล มะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันชนิดฟิลาเดลเฟียบวก มะเร็งเนื้อเยื่อในระบบทางเดินอาหาร (GIST) มะเร็งผิวหนังชนิดหายาก (DFSP)
แม้ว่ายาอิมมาทินิบนี้ จะสามารถเบิกจ่ายจากกองทุนสุขภาพได้ในหลายโรคแล้วก็จริง แต่ยังมีข้อจำกัดในบางโรค และบางระยะของโรคที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายจากกองทุนสุขภาพในปัจจุบัน การผลิตได้เองในประเทศจะช่วยแก้ปัญหาข้อจำกัดนี้ โดยการขยายขอบเขตการใช้ยาให้ครอบคลุมทุกข้อบ่งชี้ของการรักษาซึ่งจะเพิ่มโอกาสในการควบคุมโรค ลดความทุกข์ทรมาน และช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง

ภาพ : โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ภาพ : โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ทั้งนี้ โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โดยศูนย์มะเร็งวิทยาได้พิจารณานำยา "อิมครานิบ 100" มาใช้ในฐานะโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง ได้ทำหน้าที่เป็นตัวกลางที่สำคัญในการเชื่อมโยงองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์และศักยภาพของการผลิตยาคุณภาพสูงในประเทศ ไปสู่การนำไปใช้จริงกับผู้ป่วยอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังมีความพร้อมในด้านระบบบริการ การจัดการยา และการติดตามข้อมูลผลลัพธ์ทางคลินิก โดยทำงานประสานร่วมกันระหว่างแพทย์ เภสัชกร และทีมสนับสนุน เพื่อให้การนำร่องนี้เกิดประสิทธิภาพและความปลอดภัยโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของผู้ป่วยตั้งแต่เดือน ก.ค. 2568 เป็นต้นไป

ภาพ : โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ภาพ : โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ความสำเร็จนี้นับเป็นพระกรุณาธิคุณที่ไม่เพียงช่วยเหลือประชาชนคนไทยให้พ้นจากทุกข์ภัยของโรคมะเร็งเท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนาองค์ความรู้เพื่อเสริมสร้างทักษะความชำนาญด้านการพัฒนาตำรับ การผลิต การควบคุมคุณภาพ การประกันคุณภาพ การทดสอบทางเภสัชวิทยา และการขึ้นทะเบียนยารักษาโรคมะเร็งให้แก่บุคลากรและองค์กรที่เกี่ยวข้อง เป็นการยกระดับความสามารถด้านเภสัชอุตสาหการและเทคโนโลยีเภสัชกรรมและบุคลากรทางด้านนี้ของประเทศไทยให้พร้อมรองรับการผลิตและการวิจัยยารักษาโรคมะเร็งตำรับอื่นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป สร้างความมั่นคงทางยาให้กับประเทศในระยะยาวเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนไทยอย่างยั่งยืน