เมื่อวันที่ 8 ก.ค.2568 ด.ต.ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ "จอนนี่ มือปราบ" อดีตตำรวจที่ผันตัวมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ เดินทางยื่นหนังสือร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อให้ดำเนินคดีกับ นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ และเจ้าหน้าที่อีก 2 ราย ในข้อหาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 รวมถึงข้อหาหมิ่นประมาท
จอนนี่ระบุว่า เขาถูกเลือกปฏิบัติ เนื่องจากเคยวิจารณ์การทำงานของนายกรัฐมนตรี ทำให้ถูกแจ้งความว่าสร้างรีสอร์ตรุกล้ำพื้นที่ป่าสาธารณะในนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร จ.อุบลราชธานี. ยืนยันว่า พร้อมให้ตรวจสอบรีสอร์ตของตน แต่ขอให้ตรวจสอบรีสอร์ตอื่น ๆ ในพื้นที่อย่างเท่าเทียม และเรียกร้องความเป็นธรรมให้ชาวบ้านกว่า 500 ครัวเรือนที่ครอบครองที่ดินมานานกว่า 60 ปี แต่ยังไม่มีเอกสารสิทธิ์
ทางด้าน นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความของจอนนี่ อธิบายว่า กรณีนี้ต้องแยกเป็น 2 ประเด็น หนึ่ง หากที่ดินที่จอนนี่ซื้อมีเอกสาร น.ค.1 หรือ น.ค.3 การซื้อขายถือว่าผิดกฎหมาย เพราะที่ดินในนิคมสร้างตนเองต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการก่อน แต่หากชาวบ้านครอบครองที่ดินก่อนการจัดตั้งนิคมในปี 2511 การดำเนินคดีต้องมีคำสั่งรื้อถอนอย่างเป็นทางการ และจอนนี่สามารถอุทธรณ์ได้
ทนายตั้งข้อสังเกตว่า ไม่มีการออกคำสั่งทางปกครองก่อนแจ้งความ และไม่มีผู้ประกอบการรายอื่นในพื้นที่ถูกดำเนินคดีในลักษณะเดียวกัน จึงอาจเข้าข่ายเลือกปฏิบัติหรือกลั่นแกล้ง จอนนี่ระบุว่า เขาซื้อที่ดินประมาณ 2-3 ไร่ในราคา 540,000 บาทจากชาวบ้าน โดยมีกำนันและผู้ใหญ่บ้านเป็นพยาน พร้อมเอกสารซื้อขายที่ระบุว่าไม่มี น.ค.1 หรือ น.ค.3. ยังย้ำว่า หากรีสอร์ตของตนผิดกฎหมาย พร้อมรื้อถอน แต่ขอให้หน่วยงานตรวจสอบทุกแห่งในพื้นที่อย่างเป็นธรรม
ทีมข่าวไทยพีบีเอส ลงพื้นที่สำรวจรีสอร์ตของจอนนี่ที่บ้านห้วยไฮ ต.คำเขื่อนแก้ว อ.สิรินธร พบว่ามีเนื้อที่ประมาณ 4-5 ไร่ ตั้งอยู่ติดลำห้วยไฮ ใกล้ที่พักและร้านอาหารอื่น ๆ อีกหลายแห่ง นายมิตรชัย ขันคำ ผู้ใหญ่บ้านห้วยไฮ เผยว่า ชาวบ้านเข้ามาครอบครองที่ดินตั้งแต่ก่อนการจัดตั้งนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อยในปี 2511 ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 24,675 ไร่ เพื่อเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนสิรินธร พื้นที่แบ่งเป็นร้อยละ 80 สำหรับจัดสรรให้ชาวบ้าน และร้อยละ 20 เป็นป่าสาธารณะประโยชน์
ชาวบ้านกว่า 500 ครัวเรือนอยู่อาศัยและทำกินมากว่า 60 ปี ส่วนใหญ่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ และมีการซื้อขายที่ดินแบบปากเปล่าหรือทำสัญญากันเอง ที่ดินของจอนนี่ซื้อต่อจากเจ้าของเดิม ซึ่งชาวบ้านยืนยันว่าไม่มีการบุกรุกเพิ่มเติม ชาวบ้านอย่างนายแก้ว ตาลาด ระบุว่า จอนนี่เป็นที่รักของชุมชน เพราะสร้างงานและรายได้ให้ท้องถิ่น และหากต้องขับไล่จอนนี่ ชาวบ้านทั้ง 500 ครัวเรือนอาจต้องถูกขับไล่ด้วย ซึ่งทุกคนยืนยันจะไม่ยอมออกจากพื้นที่
ส่วน นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ เปิดเผยว่า พบการรุกล้ำพื้นที่ป่าสาธารณะประโยชน์ในนิคมลำโดมน้อยตั้งแต่ปลายปี 2564 โดยรีสอร์ตของจอนนี่รุกล้ำประมาณ 1 ไร่ หรือร้อยละ 40 ของพื้นที่ป่า กรมฯ ออกหนังสือแจ้งเตือนให้รื้อถอนตั้งแต่ปี 2565 แต่จอนนี่ไม่ปฏิบัติตาม และมีการข่มขู่เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่รู้สึกหวาดกลัว

นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ
กรมฯ จึงมอบหมายให้นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ แจ้งความต่อกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ในข้อหาบุกรุกพื้นที่ป่าตาม พ.ร.บ.จัดที่ดินเพื่อการครองชีพ มาตรา 15 อธิบดีระบุว่า การดำเนินการไม่ได้เจาะจงจอนนี่เพียงคนเดียว แต่มีผู้ถูกร้องเรียนรายอื่นด้วย และพร้อมเชิญจอนนี่มาพูดคุยเพื่อหาทางออก รวมถึงอาจตรวจสอบสภาพป่าและรังวัดพื้นที่ใหม่ เพื่อยื่นให้คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) พิจารณาจัดสรรที่ดินต่อไป
ล่าสุด การเจรจาระหว่างจอนนี่และกรมพัฒนาสังคมฯ หลังการร้อง ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. นำไปสู่ความคืบหน้าในการแก้ปัญหา พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการ บก.ปทส. ระบุว่าจะใช้ภาพถ่ายทางอากาศและสอบถามกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.พม. กล่าวว่า ปัญหาการรุกล้ำที่ดินนิคมเกิดในหลายพื้นที่ และการร้องเรียนของจอนนี่เป็นสิทธิ์ของผู้ถูกกล่าวหา

อ่านข่าวอื่น :
"อนุทิน" เผย "สี จิ้นผิง" เคยเตือน 3 ครั้งปมกาสิโน แต่รัฐบาลเมินเฉย
"ทรัมป์" ไม่เลื่อนเส้นตายภาษี 1 ส.ค. ขู่ขึ้นภาษีนำเข้ายา 200%