วันนี้ (14 ก.ค.2568) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ผลผลิตข้าวนาปี ซึ่งจะมีผลผลิตช่วง เดือนพ.ย.-ธ.ค.ที่เป็นช่วงเก็บเกี่ยว โดยเมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา ได้รับหนังสือร้องเรียนจากนายประภัตร โพธสุธน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.สุพรรณบุรี เขต 5 และตัวแทนชาวนา ในประเด็นปัญหาราคาข้าวเปลือก และความเดือดร้อนของชาวนา โดยขอให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลราคาข้าวเปลือก หลังมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์
ข้าว ถือเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ ยืนยันว่าจะเร่งดำเนินการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในทุกระดับ เพื่อออกมาตรการบรรเทาความเดือดร้อน และวางกลไกระยะยาว เพื่อดูแลราคาข้าวให้พี่น้องเกษตรกร และเร่งขยายตลาดส่งออก
สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกล่าสุด ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% ต่ำสุด 6,400 บาทต่อตัน สูงสุด 7,400 บาทต่อตัน ความชื้น 25% ต่ำสุด 5,200 บาทต่อตัน สูงสุด 6,200 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเหนียว 10,000-11,000 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกหอมมะลิ ความชื้น 15%ราคา 15,500-16,300 บาทต่อตัน โดยผลผลิตข้าวไทย ปีการผลิต 2568/69 คาดว่าจะมีปริมาณ 35.28 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้น 5.41% แยกเป็นผลผลิตข้าวนาปี 27.01 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 0.30% และข้าวนาปรัง 8.27 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 26.45%

ส่วนการส่งออกข้าวในช่วง 5 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-พ.ค.) มีปริมาณ 3.05 ล้านตัน ลดลง 25.61% จากปี 2567 ที่มีปริมาณส่งออก 4.10 ล้านตัน มีมูลค่า 1,878 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 30.13% จากปีก่อน ที่มีมูลค่า 2,688 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นผลมาจากปริมาณผลผลิตข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้น และอินเดียกลับมาส่งออกข้าวตามปกติ
สำหรับราคาผลไม้ ล่าสุดลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อหารือแนวทางช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไย ที่ผลผลิตกำลังเริ่มออกสู่ตลาด โดยได้เตรียมมาตรการผลักดันการส่งออกและแปรรูป รวม 65,000 ตัน ขณะนี้ ได้ดำเนินการแล้ว

โดยเฉพาะการจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจซื้อขายลำไย สร้างมูลค่าการค้า 200 ล้านบาท และการเชื่อมโยงการค้าลำไยไปอินโดนีเซีย ระหว่างทูตพาณิชย์กับพาณิชย์จังหวัด ทำให้ผู้ส่งออกใน จ.ลำพูน ได้โควส่งออกไม่อั้นจากอินโดนีเซีย และยังได้ติดตามเรื่องโควตาส่งออกไปอินโดนีเซีย
รวมทั้งมีแผนที่จะเร่งผลักดันการส่งออกลำไยไปยังอินเดียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย ส่วนตลาดในประเทศ ได้ร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) สำนักงานใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ และหน่วยงานอื่น ๆ เปิดจุดจำหน่ายลำไย ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค.2568 การกระจายผลผลิตออกนอกพื้นที่ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดและสำนักงานพาณิชย์จังหวัด การจัดกิจกรรม Thai Fruits Festival เชื่อมโยงกับห้างค้าส่งค้าปลีก และการสนับสนุนกล่องไปรษณีย์และตะกร้าให้กับเกษตรกรผ่านสำนักงานพาณิชย์จังหวัด

ทั้งนี้เกษตรกรได้สะท้อนปัญหาและมีข้อเรียกร้องที่สำคัญหลายประเด็น เช่น การขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยวลำไย อยากให้ภาครัฐสนับสนุนงบประมาณพัฒนา มาตรฐานโรงคัดบรรจุและโกดัง (GMP, HACCP) เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออก และเร่งผลักดันโควตาส่งออกไปอินโดนีเซีย รวมถึงการสนับสนุนบรรจุภัณฑ์ เช่น ตะกร้า 5 กิโลกรัม และกล่อง 10 กิโลกรัม สำหรับขายออนไลน์
สำหรับ ผลผลิตลำไยปี2568 ของจ.เชียงใหม่อยู่ที่ 443,622 ตัน เพิ่มขึ้น 4.32% ผลผลิตจะออกมากที่สุดในเดือน ส.ค.2568 จำนวน 164,577 ตัน คิดเป็น 37% ของผลผลิตทั้งหมด ขณะนี้ผลผลิตออกสู่ตลาดแล้ว 8% หรือ 22,409 ตัน กระจายในพื้นที่ อ.จอมทอง ดอยหล่อ แม่วาง สันป่าตอง ฮอด และดอยเต่า

ปัจจุบันราคาลำไย (12 ก.ค.) ลำไยสดรูดร่วง เกรด AA ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 19-20 บาท เกรด A ราคา 10-11 บาท เกรด B ราคา 5-6 บาท และเกรด C ขนาดไม่เกิน 20 มิลลิเมตร ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 1 บาท ลำไยสดช่อ (ตะกร้าขาว อินโดนีเซีย) เกรดทองราคา 25 บาทต่อกิโลกรัม เกรดแดง 22 บาทต่อกิโลกรัม เกรดน้ำเงิน 17 บาทต่อกิโลกรัม และเกรดเขียว 8 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนลำไยสดมัดปุ๊ก เกรด AA บวก A ราคา 18-20 บาทต่อกิโลกรัม และเกรด A บวก B ราคา 12-15 บาทต่อกิโลกรัม
อ่านข่าว:
หวั่นเสียโอกาส 47 อุตฯ 11 คลัสเตอร์ยื่นคลังเจรจาลดภาษีสหรัฐฯ
ภาษี "ทรัมป์" ไม่กระทบจ้างงาน รมว.แรงงานเตรียมแผนรับมือ
เอกชนส่งการบ้าน รับมือภาษีทรัมป์ "พิชัย"ถกทีมไทยแลนด์ พรุ่งนี้