วันนี้ (14 ก.ค.2568) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ เรียกประชุมหารือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกร จากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและภาคเอกชนในพื้นที่ ทูตพาณิชย์กรุงพนมเปญ ว่า จากข้อจำกัดในการผ่านเข้าออกจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อรองรับผลกระทบผู้ประกอบการและเกษตรกรอย่างเต็มที่
ไม่ว่าจะเป็นเชื่อมโยงสินค้าสำหรับตลาดภายในประเทศ เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายโดยเปิดจุดจำหน่ายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการรวมทั้งการส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ หารือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกรจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและภาคเอกชนในพื้นที่ ทูตพาณิชย์ กรุงพนมเปญ
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.พาณิชย์ หารือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกรจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและภาคเอกชนในพื้นที่ ทูตพาณิชย์ กรุงพนมเปญ
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้เตรียมแผนบูรณาการทุกภาคส่วนโดยมอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดชายแดน 7 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว จันทบุรี ตราด สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และบุรีรัมย์ รวบรวมข้อมูลความต้องการของผู้ประกอบการและเกษตรกรในพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือตรงจุดและครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น สำหรับการขนส่งสินค้าไปยังกัมพูชาและการขนส่งผ่านแดนที่ต้องปรับเปลี่ยนเส้นทาง
มอบหมายกรมการค้าต่างประเทศ หารือผู้ประกอบการโลจิสติกส์ เพื่อช่วยลดต้นทุน และมอบหมายกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศส่งเสริมสินค้าไทยในกัมพูชา ควบคู่ไปกับการเพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน ส่วนประชาชนในพื้นที่ชายแดนได้มอบหมายกรมการค้าภายในจัดคาราวานธงฟ้าราคาประหยัด ลดค่าครองชีพ

การรือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกรจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและภาคเอกชนในพื้นที่ ทูตพาณิชย์ กรุงพนมเปญ
การรือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกรจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและภาคเอกชนในพื้นที่ ทูตพาณิชย์ กรุงพนมเปญ
ด้านนายฉันทวิชญ์ ตัณฑสิทธิ์ รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์จะจัดกลุ่มผู้ประกอบการตามประเภทสินค้า และลักษณะของการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างแม่นยำ โดยให้ความสำคัญกับเรื่องโลจิสจิกส์ และการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบ
ซึ่งกรณีที่เป็นผู้ส่งออกและนำเข้าสินค้ากรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจะประสานธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank) มาร่วมสนับสนุนด้วย
ขณะที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กรุงพนมเปญ รายงานว่า แม้จะมีการระงับการนำเข้าสินค้าบางประเภทในฝั่งกัมพูชา เช่น น้ำมัน พืชผัก และผลไม้ แต่สินค้าจำเป็นและสินค้าอุปโภคบริโภค ยังสามารถส่งออกได้ โดยขนส่งทางเรือหรือปรับเปลี่ยนเส้นทางทางบก ซึ่งจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและพร้อมปรับมาตรการอย่างเหมาะสม

การรือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกรจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและภาคเอกชนในพื้นที่ ทูตพาณิชย์ กรุงพนมเปญ
การรือแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการและเกษตรกรจากสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและภาคเอกชนในพื้นที่ ทูตพาณิชย์ กรุงพนมเปญ
ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยต่อสถานการณ์ และเชื่อมั่นว่าด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน จะสามารถบริหารจัดการสถานการณ์นี้ได้โดยไม่กระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจการค้าของไทย ซึ่งยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ในปี 2567 การค้าระหว่างไทย-กัมพูชา มีมูลค่ารวม 366,730 ล้านบาท โดยการค้าชายแดนมีสัดส่วนสูงถึง 174,530 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 การค้าระหว่างไทย-กัมพูชาขยายตัวถึง 8.5 % และการค้าชายแดนขยายตัวถึง 11.2 %
อ่านข่าว:
หวั่นเสียโอกาส 47 อุตฯ 11 คลัสเตอร์ยื่นคลังเจรจาลดภาษีสหรัฐฯ
ภาษี "ทรัมป์" ไม่กระทบจ้างงาน รมว.แรงงานเตรียมแผนรับมือ
นักวิชาการ มธ.ชี้ภาษี 25-28% ยังสู้ได้ ไทยไม่ต้องลดให้สหรัฐฯ 0% ตามเวียดนาม