วันนี้ (17 ก.ค.2568) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกรณีที่มี สื่อนำเสนอข่าวพระภิกษุสงฆ์บางรูป ซึ่งรวมถึงผู้บริหารของมหาวิทยาลัย โดยระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปกครองคณะสงฆ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย และยืนยันว่าไม่มีผลกระทบด้านการเงินแต่อย่างใด
มหาวิทยาลัยพร้อมให้ความร่วมมือกับหน่วยงานของรัฐอย่างเต็มที่หากมีประเด็นที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน การจัดการเรียนการสอนยังคงดำเนินไปตามปกติ เพื่อมุ่งผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพตามพันธกิจของมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่ ตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) เข้าตรวจสอบเส้นทางการเงินของวิทยาลัยสงฆ์อย่างน้อย 2 แห่งในวันนี้ พบข้อสังเกตว่าอดีตพระ 4 รูปที่พัวพันกับ "สีกากอล์ฟ" เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงในวิทยาลัยสงฆ์ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) โดยในกลุ่มที่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับสีกากอล์ฟ 3 รูป ได้แก่
- อดีตพระเทพวัชรสิทธิเมธี อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พิจิตร
- อดีตพระราชรัตนสุธี อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พุทธชินราช
- อดีตพระมหาบุญเลิศ ช่วยธานี อดีตรองผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์พุทธปัญญาศรีทวารวดี
ส่วนอดีตพระเทพปวรเมธี อดีตรองอธิการบดี มจร. อยู่ในกลุ่มฟีลแฟนหรือพูดคุยเชิงชู้สาว ซึ่งเคยดูแลงานบริหารงบประมาณและการเบิกจ่ายระหว่างปี 2561-2565 และเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดมหาจุฬาลงกรณราชูทิศ
ทั้งนี้ มจร. มีวิทยาลัยสงฆ์ 29 แห่งทั่วประเทศ แบ่งเป็นภาคกลาง ตะวันออก และตะวันตก 8 แห่ง, ภาคเหนือ 9 แห่ง, ภาคอีสาน 6 แห่ง, ภาคใต้ 3 แห่ง และส่วนกลาง 2 แห่ง โดยงบประมาณของวิทยาลัยสงฆ์มาจาก 3 แหล่งหลัก คือ งบประมาณรัฐผ่าน มจร., ค่าธรรมเนียมการศึกษา และเงินบริจาค ซึ่งมีระบบการเบิกจ่าย แต่ยังพบช่องโหว่ในการบริหารจัดการ นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนาระบุว่า การตรวจสอบต้องเข้มงวดมากขึ้นเพื่อป้องกันการทุจริต โดยเฉพาะเมื่อพบเส้นทางการเงินที่อาจเชื่อมโยงกับการใช้เงินวัดหรือเงินบริจาคในทางมิชอบ
อ่านข่าว :
เจ้าคณะภาค 14 ตั้ง คกก.สอบ "พระมหาทิวากร" โยงสีกากอล์ฟ สังคม 17 ก.ค. 68 16:52 56