ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

ทีมพาณิชย์เยือนสหรัฐฯ ถกเอกชนสหรัฐฯดันนำเข้าสินค้าไทยเพิ่ม

เศรษฐกิจ
16:53
70
 ทีมพาณิชย์เยือนสหรัฐฯ ถกเอกชนสหรัฐฯดันนำเข้าสินค้าไทยเพิ่ม
“จตุพร” ขนทีมพาณิชย์ บุกสหรัฐฯ เดินสายถกเอกชนรายใหญ่ Clark Associates Inc หวังดันนำเข้าสินค้าไทยเพิ่ม เร่งขยายตลาดสินค้าไทย พร้อมชวนลงทุนในไทย เผยไม่มีเจรจานอกรอบภาษีทรัมป์

วันนี้ ( 21 ก.ค.2568) นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงการเดินทางเยือนสหรัฐฯระหว่างวันที่ 19-22 ก.ค. ว่าหนึ่งในนโยบายสำคัญที่มอบให้กับกระทรวงพาณิชย์ คือการผลักดันการส่งออกสินค้าไทย ขยายตลาด เพิ่มช่องทางการเข้าถึงผู้บริโภคในต่างประเทศ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า ผ่านประสบการณ์ที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมไทย เพื่อเสริมแกร่งให้ผู้ประกอบการ SME ไทยสามารถยืนหยัดและรับมือกับความผันผวนของการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางพัฒนาโมเดลร้านค้ารูปแบบนี้ให้เหมาะสมกับบริบทของสินค้าไทยในตลาดต่างประเทศ ที่จะมุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์ที่มากกว่าการซื้อขาย แต่เพื่อสร้างความประทับใจและความผูกพันระยะยาวกับผู้บริโภคต่างชาติ หากสามารถต่อยอดแนวทางดังกล่าวได้อย่างเป็นรูปธรรม จะเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการส่งออกของไทย สร้างภาพลักษณ์สินค้าไทยให้แข็งแกร่งในระดับสากล และขยายตลาดได้อย่างมั่นคง

รมว.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า การเยือนสรัฐฯในครั้งนี้ ยังได้หารือกับ Mrs. Nipa Kim Senior Global Sourcing Manager บริษัท Clark Associates Inc เพื่อส่งเสริมการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ให้เพิ่มมากขึ้น ตาม 1 ใน 10 นโยบายเร่งด่วน ที่ให้กับทีมพาณิชย์ในการเร่งรัดการส่งออก และบุกตลาดต่างประเทศ ซึ่งบริษัท Clark Associates Inc ถือเป็นผู้นำตลาดอันดับหนึ่งในสหรัฐฯ

ในกลุ่มสินค้าอุปกรณ์และเครื่องใช้สำหรับอุตสาหกรรม Food Service ซึ่งกระทรวงฯได้รับทราบความต้องการของบริษัทในการพัฒนาระบบฐานข้อมูล (Database) ภาครัฐให้ภาคเอกชนจับคู่ธุรกิจง่ายขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงมาตรการทางการค้าทั่วโลกถือเป็นโอกาสที่ภาคธุรกิจไทยจะได้ปรับโครงสร้างให้สามารถแข่งขันได้

ในปีที่ผ่านมา บริษัท Clark Associates Incมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไทยถึง 628 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเป็นหลัก 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในอนาคต สินค้าหลักของบริษัทฯ ได้แก่ ตู้แช่เชิงพาณิชย์ เครื่องทำความเย็น เตาอบ ไมโครเวฟ ชั้นวางอาหาร ถุงมือแพทย์ กล่องอาหาร แก้วน้ำ แก้วไวน์ โต๊ะกลางแจ้ง และเฟอร์นิเจอร์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการผลิตและส่งออกได้อย่างมีคุณภาพ

ไทยแสดงความพร้อมในฐานะฐานการผลิตที่มีศักยภาพสูง เน้นย้ำถึงความสามารถของผู้ผลิตไทยในการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐานสากล โดยเฉพาะในกลุ่มอุปกรณ์ครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า และเฟอร์นิเจอร์

นอกจากนี้ยังได้เชิญชวนผู้บริหารระดับสูงของบริษัทฯ เดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเยี่ยมชมโรงงานผลิตของผู้ประกอบการไทย และเข้าร่วมกิจกรรม Business Matching โดยมีภาครัฐไทยพร้อมให้การสนับสนุนและอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่และแลกเปลี่ยนข้อมูลแนวโน้มความต้องการของตลาดสหรัฐฯ ให้ผู้ผลิตไทยสามารถพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างเหมาะสม

รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ยังได้หารือแนวทางลดอุปสรรคทางการค้าและโลจิสติกส์ เช่น มาตรการทางภาษี มาตรฐานสินค้า และกระบวนการทางศุลกากร พร้อมรับฟังข้อคิดเห็นจากบริษัทฯ และเสนอให้ภาครัฐไทยหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยกันอำนวยความสะดวก เพื่อให้การนำเข้าสินค้าจากไทยเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น

การหารือกับบริษัท Clark Associates Incในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามในการขับเคลื่อนการส่งออก ขยายตลาดเชิงรุกของกระทรวงพาณิชย์ ในการสร้างโอกาสให้กับสินค้าไทยโดยอาศัยความร่วมมือกับภาคเอกชนสหรัฐฯ ที่มีศักยภาพ ช่วงเวลานี้ไทยต้องเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยส่งเสริมผู้ประกอบการไทยให้สร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่อย่างทันท่วงที เพื่อผลักดันสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดอเมริกาอย่างเป็นรูปธรรม

สำหรับบริษัท Clark Associates Inc. เป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการอาหารรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ก่อนจะขยายธุรกิจเข้าสู่การติดตั้งและซ่อมบำรุงอุปกรณ์ครัว ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Lancaster รัฐเพนซิลเวเนีย มียอดขายรวมกว่า 3,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 100,000 ล้านบาท มีสินค้าเกือบ 500,000 รายการ (SKUs) และมีพนักงานกว่า 8,200 คน ลูกค้าสำคัญของบริษัท ได้แก่ Disney, Marriott Hotel, Starbucks, Subway และ Chick-fil-A เป็นต้น

ข้อมูลจากศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักปลัดกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ภาพรวมการค้าและบริการของสหรัฐฯกับโลก ม.ค. 68 มูลค่าการค้ารวม 671.02 พันล้านเหรียญฯเพิ่มขึ้น 14.67%มีมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 401.20 พันล้านเหรียญฯเพิ่มขึ้น 23.06% และมีมูลค่าการส่งออก 269.82 พันล้านเหรียญฯเพิ่มขึ้น 4.11% ส่งผลให้สหรัฐฯขาดดุลการค้า 131.38 พันล้านเหรียญฯ

ส่วนการค้าของสหรัฐฯ กับกลุ่มประเทศอาเซียน ม.ค. 68 สหรัฐฯนำเข้าจากอาเซียน 32.62 พันล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 29.52% หรือ 10.28% ของการนำเข้าทั้งหมดของสหรัฐฯ โดยนำเข้าจากเวียดนามอันดับ 1 ไทยอันดับ 2 และมาเลเซียอันดับ 3

นอกจากนี้ สหรัฐฯส่งออกไปอาเซียนมีมูลค่า 9.63 พันล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 10.39% หรือ 5.87% โดยสหรัฐฯ ส่งออกไปไทยเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มประเทศอาเซียนรองจากสิงคโปร์ และ มาเลเซีย ตามลำดับ

ขณะที่มูลค่าการค้าไทยกับสหรัฐฯ ม.ค.-พ.ค. 68 มีมูลค่ารวม 35,651 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น21.37 % เป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของสหรัฐฯ สำหรับสถานการณ์การค้าข้าวในสหรัฐฯ คาดการณ์ปริมาณการผลิตข้าวของโลกปี 2567/68 ณ เดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ 532.67 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.98% ประเทศผู้ผลิตข้าวมากที่สุด 3 อันดับแรกได้แก่ จีน อินเดีย และบังกลาเทศ ซึ่งประเทศไทยอยู่อันดับที่ 6 มีปริมาณอยู่ที่ 20.10 ล้านตัน เพิ่มขึ้น0.50% หรือ 3.77% การคาดการณ์ปริมาณการค้าข้าวของตลาดโลก 2568 เดือน ก.พ. 68 คาดมีปริมาณการค้าอยู่ที่ 58.53ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนหน้า2.08%

ทั้งนี้ ประเทศที่คาดว่า จะมีการส่งออกข้าวมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อินเดีย ไทย และ เวียดนาม ส่วนสถานการณ์การผลิตข้าวในสหรัฐฯ ปี 2567/68 เดือนก.พ. 68 คาดการณ์ว่าสหรัฐฯ จะมีการผลิตข้าวในประเทศ 7.05ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1.89% มีการบริโภคข้าวภายในสหรัฐฯ 5.27ล้านตัน เพิ่มขึ้น 7.14% มีสต๊อกข้าวในประเทศ 1.49 ล้านตัน เพิ่มขึ้น17.94% การนำเข้าข้าวของสหรัฐฯ ในช่วงเดือน ม.ค.-ธ.ค. 67 อยู่ที่ 1,437,181ตัน เพิ่มขึ้น 7.44 หรือมูลค่า 1,472.67 ล้านเหรียญฯ โดยสหรัฐฯ น้าเข้าข้าวจากไทยเป็น อันดับ 1 อยู่ที่ 846,525 ตัน

ภายใต้รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ดังนั้นโอกาสของสินค้าไทย จากการตั้งกำแพงภาษีที่สูงอาจส่งผลให้สหรัฐฯจำเป็นต้องลดการนำเข้าสินค้าจีนและหันไปนำเข้าสินเข้าทดแทนจากประเทศคู่ค้าอื่นๆ รวมถึงไทย

โดยสินค้าที่ไทยและจีนส่งออกไปยังสหรัฐฯคล้ายคลึงกันมาก ดังนั้นสินค้าไทยมีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากการส่งออกทดแทนจีน ได้แก่ อุปกรณ์สื่อสารและคอมพิวเตอร์ เสื อผ้า สิ่งทอ และเฟอร์นิเจอร์

ขณะที่การขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมของสหรัฐฯ 25% ทุกประเทศ โดยสหรัฐฯ นำเข้าเหล็กจากประเทศต่าง ๆ ตามลำดับ ดังนี้ แคนาดา (23%) บราซิล (16%) เม็กซิโก (12%) เกาหลีใต้ (9%) และเวียดนาม และสหรัฐฯ นำเข้าอลูมิเนียมจากแคนาดา (40%) เป็นอันดับ 1 ตาม ด้วยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (9%) จีน (2%) เกาหลี และบาห์เรน

การขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมคาดว่าจะเกิดผลกระทบต่อไทย เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกเหล็กที่สำคัญของไทย

อ่านข่าว:

 "จตุพร" สู้ภาษีทรัมป์ 36 % ภารกิจท้าทาย "พ่อบ้าน" พาณิชย์

การค้าโลกเสี่ยง-แข่งขันสูง สนค. เล็งปรับโครงสร้างส่งออก ยกระดับสินค้าไทย

พณ. เผย USTR พอใจข้อเสนอ ไทยเร่งปิดดีลภาษีสหรัฐฯ ลุ้นจบก่อน 1 ส.ค.