ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ศาลทหาร" แจงคำพิพากษา "คดีน้องเมย" ยืนยันทำหน้าที่เป็นกลาง

อาชญากรรม
11:12
766
"ศาลทหาร" แจงคำพิพากษา "คดีน้องเมย" ยืนยันทำหน้าที่เป็นกลาง
อ่านให้ฟัง
06:13อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ศาลทหารชี้แจงคำพิพากษาคดี "เมย-ภคพงศ์" เป็นการฟ้องร้องคดีทำร้ายร่างกาย ยืนยันทำหน้าที่เป็นกลาง ยึดกฎหมายและความเป็นธรรม

วันนี้ (24 ก.ค.2568) ศาลทหาร ชี้แจงคำพิพากษาของศาลมณฑลทหารบกที่ 12 กรณีอ่านคำพิพากษาของศาลทหารสูงสุดคดีการเสียชีวิตของ นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ เมย

เนื้อหาในเอกสารชี้แจงระบุว่า ตามที่ปรากฎเป็นข่าวว่า ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 โจทก์ กับนักเรียนเตรียมทหาร ธ. จำเลย โดยมีการพิพากษาลงโทษในสถานเบา และรอการลงโทษให้กับจำเลย กรณีจำเลยทำร้ายร่างกายด้วยการสั่งธำรงวินัยแก่นักเรียนเตรียมทหาร ภ.ผู้เสียหาย จนเสียชีวิตนั้น

คดีตามคำพิพากษาของศาลทหารสูงสุดที่ 18/2568 มีข้อเท็จจริงว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.2560 จำเลยสั่งธำรงวินัยโดยให้ผู้เสียหายทำท่า "แคงการู" ระหว่างนั้นผู้เสียหายเป็นลมหมดสติ จำเลยได้ไปตามเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารและได้ช่วยกันปฐมพยาบาล นำผู้เสียหายส่งโรงพยาบาล มีบาดแผลถลอกบริเวณศีรษะด้านบนประมาณ 4 เซนติเมตร

แพทย์ให้ความเห็นว่า ผู้เสียหายมีอาการวูบ ไม่รู้สึกตัว ความดันต่ำ เห็นควรทุเลาฝึก งดออกกำลังกายหนัก มีกำหนด 7วัน กับงดออกกำลังกายในท่าศีรษะก้มลงต่ำกว่าตัว เพราะมีโอกาสทำให้เกิดความดันตกได้

จากนั้น มารดาของผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับจำเลย ข้อหาทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 295 พนักงานสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้อง ในความผิดฐานทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 และอัยการศาลมณฑลทหารบกที่ 12 ได้ฟ้องจำเลย ตามความเห็นของพนักงานสอบสวนศาลมณฑลทหารบกที่ 12 พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390 ให้รอการกำหนดโทษจำเลยไว้ 1 ปี

ศาลทหารกลางพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่จิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฎในการพิจารณาว่าผู้เสียหายถูกธำรงวินัยจนหมดสติ ให้จำคุกจำเลย 4 เดือน 15 วัน ปรับ 15,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2ปี

จำเลยฎีกาว่า ไม่มีเจตนาทำร้ายร่างกาย ไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง และโจทก์ฎีกาขอให้ไม่รอการลงโทษ ศาลทหารสูงสุดพิพากษาว่า การที่จำเลยสั่งธำรงวินัยผู้เสียหายโดยฝ่าฝืนระเบียบของโรงเรียนเตรียมทหาร และมารดาผู้เสียหายไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินคดีกับจำเลยในความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเป็นเหตุได้รับ
อันตรายแก่กาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 เห็นว่า จำเลยมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายจนเป็นเป็นเหตุได้รับอันตรายแก่จิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 และภายหลังเกิดเหตุ จำเลยได้ไปตามเพื่อนนักเรียนเตรียมทหารและได้ช่วยกันปฐมพยาบาล นำผู้เสียหายส่งโรงพยาบาลเฝ้าดูอาการจนปลอดภัย กับทั้งถูกโรงเรียนเตรียมทหารตัดคะแนนความประพฤติและปลดจากการเป็นนักเรียนบังคับบัญชา ประกอบกับไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน

เมื่อคำนึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ การศึกษาของจำเลย จึงให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 วรรคหนึ่ง พิพากษายืนตามศาลทหารกลาง

ด้วยเหตุนี้ คดีที่ศาลทหารสูงสุดมีคำพิพากษาดังกล่าว ซึ่งเหตุเกิดเมื่อวันที่ 22 ส.ค.2560 จึงไม่ใช่คดีที่มีการกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายผู้เสียหายจนถึงแก่ความตาย อันจะเป็นความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ที่มีการกระทำเกิดขึ้นในเดือน ต.ค.2560 เป็นเหตุให้นักเรียนเตรียมทหาร ภ.
ถึงแก่ความตาย พฤติการณ์ในคดีดังกล่าวจึงเป็นคนละกรณีกัน

นอกจากนี้ คดีดังกล่าวเป็นคดีที่เกิดขึ้นก่อนที่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 จะใช้บังคับ จำเลยจึงไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565

สำหรับคดีความผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายที่เหตุเกิดในเดือน ต.ค.2560 นั้น ปัจจุบันยังไม่มีการฟ้องคดีต่อศาลทหาร ส่วนคดีชันสูตรพลิกศพไม่อยู่ในอำนาจการพิจารณาของศาลทหารในการพิจารณาพิพากษาคดีทั้งปวง ศาลทหารทำหน้าที่อย่างเป็นกลาง ปราศจากอคติ ยึดมั่นตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและความเป็นธรรม

อ่านข่าว

คำบอกเล่าจากปาก "พ่อน้องเมย" เมื่อ 8 ปีก่อน

ไทม์ไลน์ 8 ปี คดี "เมย ภคพงศ์" นตท.ปี 1 เสียชีวิต ใน รร.เตรียมทหาร

ผบ.ตร.อยากพบครอบครัว "น้องเมย" เคลียร์ปมคู่กรณีเป็นตำรวจ