ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"ยุทธโธ" อันตราย ทภ.2 เตือนชาวบ้าน อยู่นอกเขต "รัศมียิงไกล"

การเมือง
14:57
4,344
"ยุทธโธ" อันตราย ทภ.2 เตือนชาวบ้าน อยู่นอกเขต "รัศมียิงไกล"
อ่านให้ฟัง
09:02อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)

กองทัพภาคที่ 2 ได้แจ้งเตือนประชาชน ให้อพยพออกจากพื้นที่สีแดง เนื่องจากกัมพูชา ยังคงใช้จรวดหลายลำกล้อง ทั้ง "BM-21" ซึ่งยิงไกลได้ถึง 20 กิโลเมตร หรือ PHL-81 และ Type-90 B ยิงไกลได้ 40 กิโลเมตร พ้นจากรัศมีอันตราย

ขณะที่สงครามแดนไกล รัสเซีย-ยูเครน อีกซีกโลกหนึ่ง มีอาวุธยุทโธป กรณ์ ขีปนาวุธพิสัยไกล ไฮเปอร์โซนิก ระบบ AI ในสนาม รบและโดรนสังหาร "Dragon Drones" นวัตกรรมการสู้รบสมัยใหม่ แต่อีกมุมหนึ่งของเอเชีย การสู้รบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา และทหารกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธยิงถล่มข้ามแดนเข้ามา อาวุธที่ใช้นอกจากปืน ปืนใหญ่ คือ ใช้จรวดติดหลายลำกล้อง BM-21 Grad หรือ "BM-21"

แม้ "BM-21" จะถูกมองเป็นยุทธโปกรณ์ "ตกยุค" แต่กองทัพกัมพูชาใช้เป็นอาวุธหลักในการระดมยิงใส่แผ่นดินไทย เป็นเหตุให้ทหารและชาวบ้าน ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทรัพย์สินเสียหายจำนวนมาก

ล่าสุดกองทัพภาคที่ 2 ได้แจ้งเตือนประชาชนให้อพยพออกจากพื้นที่ เนื่อง จากกัมพูชายังคงใช้จรวดหลายลำกล้อง ทั้ง "BM-21" ซึ่งยิงไกลได้ถึง 20 กิโลเมตร หรือ PHL-81 และ Type-90 B ยิงไกลได้ 40 กิโลเมตร

ตามข้อมูล ระบุว่า BM-21 Grad (ภาษารัสเซีย "Град" แปลว่า "ลูกเห็บ") เป็นเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องแบบติดตั้งท้ายรถบรรทุกของสหภาพโซเวียต ใช้กับจรวด M-21OF ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 122 ม.ม. ระบบจรวดแบบนี้ได้รับการพัฒนาในช่วงต้นทศวรรษ 1960 เพื่อแทนที่เครื่องยิงจรวดบีเอ็ม-14 ขนาด 140 ม.ม. รุ่นก่อนหน้า

โดยพัฒนามาจากเครื่องยิงจรวดคัตยูชา (บีเอ็ม-13) ที่ใช้งานมาตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่สอง เริ่มประจำการครั้งแรกในปี ค.ศ. 1963 ปัจจุบันเครื่องยิงจรวดรุ่นนี้ มีประจำการในหลายสิบประเทศ ในกลุ่มประเทศสนธิสัญญาวอร์ซอ และได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม เพื่อผลิตขึ้นใช้เองสำหรับกองทัพเบลารุส ยูเครน จีน เชโกสโลวาเกีย อียิปต์ เกาหลีเหนือ อิหร่าน ปากีสถาน โรมาเนีย และแอฟริกาใต้

ระบบยิงจรวดแบบนี้ ประกอบด้วยเครื่องยิงจรวดจำนวน 40 ลำกล้อง (4 แถวๆละ 10 ลำกล้อง) ติดตั้งบนรถบรรทุก 6 ล้อ และรถบรรทุกจรวดจำนวน 60 ลูก สำหรับบรรจุจรวดใหม่ ในหนึ่งหน่วยใช้ทหารประจำการ 5 นาย สามารถยิงจรวดทั้งหมด 40 ลูกได้ภายใน 20 วินาที และบรรจุใหม่ได้ใน 10 นาที จรวดแต่ละลูกมีความยาว 2.87 เมตร (9 ฟุต 5 นิ้ว) มีพิสัยยิง 20-30 กิโลเมตร น้ำหนักหัวรบ 20 กิโลกรัม

โดยสามารถสาด "ห่าฝนเหล็ก" เข้าทำลายล้างทุกสิ่งในพื้นที่เป้าหมายขนาดใหญ่ได้ภายในพริบตา เป็นจรวดที่ไม่เน้นเป้าหมายหลัก แต่เน้นสาดยิง ให้ครอบ คลุมพื้นที่มากที่สุดในลักษณะ"Spray and Pray" ทุบทำลายทุกอย่างให้ราบเป็นหน้ากลอง เหมาะสำหรับทำลายกำลังพลที่รวมตัวกัน, ที่ตั้งปืนใหญ่ หรือยานเกราะเบา

ระยะยิงของจรวดมาตรฐานอยู่ที่ประมาณ 20 กิโลเมตร แม้จะระยะที่ค่อนข้างสั้น ทำให้แท่นยิงมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกโจมตีตอบโต้จากปืนใหญ่หรือระบบจรวดที่ทันสมัยกว่าของฝ่ายตรงข้าม

BM-21 มีกลไกที่ไม่ง่ายต่อการผลิต การบำรุงรักษา และการฝึกฝนทหารให้ใช้งาน หลายประเทศทั่วโลกได้ทำการลอกเลียนแบบและผลิตรุ่นของตัวเองขึ้นมามากมายจนนับไม่ถ้วน และหลายสิบปีที่ผ่านมาได้มีการผลิตและส่งออกไปทั่วโลก กลายเป็นอาวุธที่หาได้ง่ายในตลาดมืดและเป็นยุทโธปกรณ์พื้นฐานของกองทัพในประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมาก

ส่วน HL-03 คือ เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องพิสัยไกลขนาด 300 มม. จำนวน 12 ท่อที่ติดตั้งบนรถบรรทุกของสาธารณรัฐประชาชนจีน พัฒนามาจากต้นแบบโซเวียต BM-21 Grad โดยติดตั้งบนรถบรรทุกจีน SX2150 แบบ 6×6

ข้อมูลทางเทคนิคหลัก การออกแบบมีพื้นฐานมาจาก ระบบปืนใหญ่จรวด BM-30 Smerch ที่ผลิตในสหภาพโซเวียต บทบาทหลักของเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องนี้คือการโจมตีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ เช่น กองกำลังขนาดใหญ่ สนามบิน ศูนย์บัญชาการ กองร้อยป้องกันภัยทางอากาศ และสิ่งอำนวยความสะดวกสนับสนุน

นอกจากนี้ยังใช้ในภารกิจ ตอบโต้ปืนใหญ่ อีกด้วย PHL-03 มีการกำหนดค่าเช่นเดียวกับรุ่นดั้งเดิมของโซเวียต โดยมีท่อยิง 12 ท่อสำหรับจรวดปืนใหญ่ขนาด 300 มม. พร้อมด้วยระบบควบคุมการยิงด้วยคอมพิวเตอร์( FCS ) ที่รวมGPS / GLONASS / BeiDou

PHL-03 ใช้จรวดขนาด 300 มม. ของตระกูล BRE ได้แก่ BRC4, BRE2 และ Fire Dragon 140A นำวิถี ซึ่งมีระยะยิง 130 กม. (81 ไมล์)
น้ำหนักมาตรฐานของจรวดแต่ละลูกคือ 800 กิโลกรัม (1,800 ปอนด์) โดยมีหัวรบหนัก 280 กิโลกรัม (620 ปอนด์) ระยะยิงสูงสุดขึ้นอยู่กับประเภทของหัวรบ โดยอยู่ที่ประมาณ 70–130 กิโลเมตร (43–81 ไมล์) หัวรบมาตรฐานประกอบด้วยหัวรบแบบกระจายแรงระเบิดสูง (HE-FRAG) หัวรบแบบเชื้อเพลิงอากาศ

และหัวรบ แบบคลัสเตอร์พร้อมกระสุนปืนต่อต้านยานเกราะและกระสุนปืนต่อต้านบุคคล หัวรบแบบคลัสเตอร์ยังสามารถบรรทุกกระสุนต่อต้านรถถังแบบกำหนดเป้าหมายได้เองการยิง เต็มชุด ของระบบนี้อาจครอบคลุมพื้นที่ได้ถึง 67 เฮกตาร์ (170 เอเคอร์)

ในเดือนตุลาคม 2563 มีรายงานว่าจรวดประเภทใหม่กำลังถูกนำไปใช้งานบน PHL-03 ซึ่งมีพิสัยการยิงไกลกว่าปกติ 30 กม. ซึ่งบ่งชี้ว่ามีพิสัยการยิง 160 กม. (99 ไมล์)

จากรายงานของ Military Balance ปี 2564–2566 ระบุว่า กองทัพกัมพูชา มี PHL-81 ประจำ การ มากกว่า 100 คัน และยังมีรุ่นใกล้เคียงอย่าง PHL-90B ประมาณ 12 คัน รวม 125 คัน

และยานพาหนะภาคพื้นดินที่เรียกว่า "รถถังหลัก” Type 90(B) เป็นรถถังหลักรุ่นพิเศษของรถถังหลัก Type 90 ออกแบบมาเพื่อติดตั้งลูกกลิ้งกวาดทุ่นระเบิด Type 92 ไว้ที่ด้านหน้าของรถ แตกต่างจากรถถังหลัก Type 90 รุ่นมาตรฐานที่สามารถติดตั้งใบมีดปราบดินได้ รถถังหลัก Type 90(B) ไม่สามารถติดตั้งปราบดินได้ เนื่องจากจุดยึดลูกกลิ้งจะรบกวนการทำงานของปราบดิน

เปิดตัวในอัปเดต 1.95 "Northern Wind"โดยพื้นฐานแล้วเป็นรถถังสำรองของ Type 90 รุ่นมาตรฐาน รถถังคันนี้มาพร้อมปืนใหญ่ 120 มม. บรรจุกระสุนอัตโนมัติ 4 วินาทีอันทรงพลัง กระสุน JM33 ความคล่องตัวสูง และเกราะระดับปานกลางสำหรับรถถังหลัก ความแตกต่างที่สำคัญเพียงอย่างเดียวคือการเพิ่มแผ่นยึดขนาด 10 มม. ที่แผ่นยึดด้านหน้าส่วนล่าง ซึ่งป้องกันไม่ให้ติดตั้งใบมีดดันดินได้

อาวุธยิงระยะไกลเหล่านี้มีอันตรายมาก จึงจำเป็นอย่างที่ประชาชนต้องฟังคำเตือนจากเจ้าหน้าที่และจะต้องอยู่ให้ห่างไกลจากรัศมีการทำลายล้าง

 อ่านข่าว

ยุติปะทะ "ไทย กัมพูชา" นานาชาติจี้ "เจรจา-เห็นต่าง" อย่างเหมาะสม

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากยิง - ทภ.2 เตือน ปชช.เลี่ยงเข้าพื้นที่แนวชายแดน

เร่งอพยพ “บ้านกรวด” บุรีรัมย์ หลังกระสุนปืนใหญ่ตกกว่า 70 ลูก