วันนี้ (5 ส.ค.2568) นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้า (บทต.) จำนวน 946 คัน วงเงินลงทุน 2,459.97 ล้านบาท โดยกำหนดให้นำชิ้นส่วนภายในประเทศและต่างประเทศมาประกอบขึ้นภายในประเทศ เพื่อนำมาทดแทนแคร่บรรทุกสินค้าเก่าที่ใช้งานมาอย่างยาวนาน รวมถึงรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สอดรับกับโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 ระยะที่ 2 และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ.2566 – 2570 (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย) ฉบับทบทวน ประจำปีงบประมาณ 2569 และแผนปฏิบัติการ ประจำปีงบประมาณ 2569

ภาพ : ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
ภาพ : ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
การจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าในครั้งนี้ จะช่วยเสริมศักยภาพของระบบรางในการรองรับสินค้าน้ำหนักมาก อาทิ เกลืออุตสาหกรรม ปุ๋ย เม็ดพลาสติก และน้ำตาล ที่มีแนวโน้มความต้องการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรถโบกี้รุ่นใหม่นี้จะเป็นขนาดพิกัดบรรทุก 62 ตัน รองรับได้ 2 ตู้ต่อคัน ซึ่งเป็นรูปแบบที่ภาคอุตสาหกรรมให้ความนิยมอย่างมาก
ทั้งนี้ ปัจจุบัน การรถไฟฯ มีรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าใช้งานอยู่รวมทั้งสิ้น 1,062 คัน แบ่งเป็น ขนาดพิกัดบรรทุก 39 ตัน จำนวน 146 คัน ขนาดพิกัดบรรทุก 45–50 ตัน จำนวน 608 คัน และขนาดพิกัดบรรทุก 62 ตัน จำนวน 308 คัน ซึ่งการจัดหารถเพิ่มเติมอีก 946 คัน จะช่วยขยายตลาดขนส่งสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ภาพ : ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
ภาพ : ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
ปัจจุบัน การรถไฟฯ มีปริมาณการขนส่งสินค้าทางรางเฉลี่ยอยู่ที่ 13 ล้านตันต่อปี หากจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าได้ตามเป้าหมาย จะเพิ่มขีดความสามารถในการขนส่งได้มากกว่า 9 ล้านตันต่อปี
ทั้งนี้ ประเทศไทยมีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ ในฐานะศูนย์กลางภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ระดับภูมิภาค โดยเฉพาะในด้านการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์จากแหล่งผลิตไปยังศูนย์ขนส่งทางราง เช่น ท่าเรือแหลมฉบัง (SRTO:Single Rail Transfer Operator) ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของประเทศในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดโลก

ภาพ : ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
ภาพ : ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
โครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าในครั้งนี้ ไม่เพียงตอบสนองต่อความต้องการของภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งจากถนนสู่ราง (Shift Mode) เพื่อลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายวีริศ กล่าวด้วยว่า ภายหลังจากได้รับความเห็นชอบจาก ครม. แล้ว การรถไฟฯ จะเร่งดำเนินการจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.พ.2569 และเปิดประกวดราคาได้ภายในเดือน พ.พ.2569 จากนั้นจะเร่งพิจารณาผลการประกวดราคา และลงนามในสัญญาให้ได้ภายในเดือน ก.ย.2569 โดยตั้งเป้าเริ่มประกอบรถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าล็อตแรกได้ภายในเดือน ก.ค.2570
สำหรับโครงการจัดหารถโบกี้บรรทุกตู้สินค้าในครั้งนี้ จะดำเนินการในรูปแบบการส่งมอบเป็น 5 ล็อต ตามแผนดังนี้
- ล็อต 1 จำนวน 154 คัน คาดว่าจะเริ่มทดลองวิ่งได้ในเดือน ต.ค.2570 มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางไอซีดี - แหลมฉบัง ช่วงเดือนมกราคม 2571
- ล็อต 2 จำนวน 165 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหนองคาย - แหลมฉบัง 132 คัน และอรัญประเทศ - แหลมฉบัง 33 คัน คาดว่าเป็นช่วงเดือน ม.ค.2572
- ล็อต 3 จำนวน 198 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางเชียงของ - แหลมฉบัง 99 คัน และนครพนม - แหลมฉบัง 99 คัน คาดว่าเป็นช่วงเดือน ม.ค.2573
- ล็อต 4 จำนวน 264 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหนองคาย - แหลมฉบัง คาดว่าเป็นช่วงเดือน ม.ค.2574
- ล็อต 5 จำนวน 165 คัน มีแผนนำไปใช้ในเส้นทางหาดใหญ่ - แหลมฉบัง 99 คัน และอุบลราชธานี - แหลมฉบัง 66 คัน คาดว่าเป็นช่วงเดือน ม.ค.2575

ภาพ : ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
ภาพ : ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
อ่านข่าว : ครม.เห็นชอบแก้ไขสัญญาเปลี่ยนเครื่องยนต์ "เรือดำน้ำ"
ครม.ไฟเขียว ตั้ง "ขจรเกียรติ" นั่งอธิบดีกรมที่ดิน-"เชษฐา" คุม ปภ.
ครม.อนุมัติจัดซื้อกริพเพน 4 ลำ วงเงิน 1.95 หมื่นล้าน